xs
xsm
sm
md
lg

มะเร็งคร่าชีวิต “เกริกเกียรติ” จำเลยคดีแบงก์บีบีซี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ ภาพขณะเดินทางไปศาล เมื่อ 11 พ.ย.2552
“เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์” จำเลยคดีฉ้อโกง-ยักยอกทรัพย์แบงก์บีบีซี เสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัย 63 ปี ญาติตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดธาตุทอง

มีรายงานว่า เช้าวันนี้ (20 ต.ค.) นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อายุ 63 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือบีบีซี ซึ่งเป็นจำเลยในคดีทุจริตภายในธนาคารบีบีซี ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคมะเร็งปอด ซึ่งญาติได้ตั้งศพไว้ที่ศาลาเจ้าจอม วัดธาตุทอง โดยมีกำหนดพิธีรดน้ำศพในช่วงเย็นวันที่ 20 ต.ค.นี้ หลังจากนั้นจะตั้งศพบำเพ็ญที่ศาลาดังกล่าวเป็นเวลา 100 วัน

สำหรับนายเกริกเกียรตินับเป็นจำเลยคนสำคัญในคดียักยอกทรัพย์บีบีซี ที่สร้างความเสียหายหลายพันล้านบาท และเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของวิกฤตการเงินในประเทศไทยเมื่อปี 2540 โดยนายเกริกเกียรติถูกฟ้องหลายคดี โดยคดีสำคัญๆ นั้น ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 54 ให้จำคุกนายเกริกเกียรติ 20 ปี ปรับเป็นเงิน 1.1 พันล้านบาท นายเกริกเกียรติกับพวก ฐานะทำสัญญาแลกเปลี่ยนพันธบัตร กับไฟแนนซ์ต่างประเทศ ทำให้แบงก์บีบีซีเสียหายกว่า 1.2 พันล้าน โดยในวันดังกล่าวนายเกริกเกียรติเดินทางมาฟังคำพิพากษาในสภาพอิดโรยจากพิษโรคมะเร็ง ส่วนก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 12 ต.ค.53 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกนายเกริกเกียรติ 20 ปี ปรับกว่า 472 ล้านดอลลาร์ กรณีทุจริตการโอน-ขายหุ้นบีบีซี

สำหรับประวัตินายเกริกเกียรติ เป็นบุตรชายของนายนิธิพัฒน์ ชาลีจันทร์ กับนางอินทิรา ชาลีจันทร์ จบปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาการเงินจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา เคยทำงานกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ ก่อนทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเวลา 10 ปี ตำแหน่งสุดท้ายคือ หัวหน้าส่วนวิเคราะห์สถาบันการเงิน

ในปี พ.ศ. 2529 นายเกริกเกียรติได้เข้าทำงานที่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวฝ่ายมารดา ในตำแหน่งกรรมการรองกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายสาขา จนกระทั่งได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ในเวลาต่อมา โดยมีนายราเกซ สักเสนา นักการเงินชาวอินเดีย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 2536-2538 ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชการโดยการนำของนายราเกซ ได้ทำธุรกรรมทางการเงินแบบพิสดาร ทั้งการปล่อยกู้ให้กับนักลงทุนที่ต้องการเทคโอเวอร์กิจการในตลาดหลักทรัพย์เพื่อนำไปขายทำกำไร หรือการปล่อยสินเชื่อให้กับกิจการต่างชาติ โดยหารายได้จากค่าธรรมเนียมธุรกรรมการเงิน จนกระทั่งเกิดหนี้เสียและถูกควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

ในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2539 ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ายึดกิจการธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชการ และสั่งปิดกิจการ พร้อมกับฟ้องศาลดำเนินคดีต่อนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ และนายราเกซ สักเสนา ว่ากระทำผิดตามกฎหมาย ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 และ กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในข้อกล่าวหา ฉ้อโกงและยักยอก รวมทั้งสิ้น 17 คดี มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 สั่งจำคุกนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ 20 ปี และปรับเป็นเงิน 3.1 พันล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น