xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” แถลงจับยานรกบิ๊๊กล็อต ยึดยาบ้า 2.8 ล้านเม็ด ไอซ์ 37 กก.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการจับกุม
“เฉลิม” ควง ผบ.ตร.แถลงผลการจับกุม 4 ผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน ผท 2321 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน โดยจับกุม นายอาจิน ได้ที่บ้านอรุโณทัย ต.นาหวาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจับกุมได้ที่ด่านตรวจผาหงส์ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่

วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.แถลงผลการจับกุมนายอาจิน คำเพิ่ม อายุ 21 ปี นายเสรี เสรีรัตน์ อายุ 34 ปี นายพล เสรีรัตน์ อายุ 35 ปี และนายทรงภพ แซ่ฉิน อายุ 36 ปี ทั้งหมดเป็น ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน ผท 2321 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน โดยจับกุม นายอาจิน ได้ที่บ้านอรุโณทัย ต.นาหวาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจับกุมได้ที่ด่านตรวจผาหงส์ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่

การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล ศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด บช.ปส.สืบสวนทราบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดผ่านมาเข้ามาบริเวณแนวชายแดน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ภ.จ.เชียงใหม่ สภ.เชียงดาว และบก.ตม.5 สตม.จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ซึ่งมี นายอาจิน เป็นคนขับมีการบรรทุกถุงบรรจุเมล็ดข้าวโพดไว้เต็มท้ายรถกระบะเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ จากการตรวจค้นพบยาบ้าของกลางซุกซ่อนอยู่ ขณะเดียวกันทราบว่ายังมีรถกระบะอีก 2 คันหลบหนีไปได้ จึงได้สั่งการให้ทุกด่านมีการสกัดจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ด่านผาหงส์ จับกุมรถกระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า ทะเบียน นง 3522 เชียงใหม่ ซึ่งมีนายเสรีกับพวก จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม

รายที่ 2 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.ประจำ บช.ปส. พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.จ.เชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.และตำรวจ บก.ภ.จ.เชียงราย ทำการสืบสวน หลังสืบทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาผ่านทางชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงได้ส่งชุดเคลื่อนที่เร็วออกติดตาม พร้อมตั้งด่านสกัดกั้น เป็นเหตุให้กลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดนำยาเสพติด มาซุกซ่อนไว้ข้างทางระหว่าง อ.พญาเม็งราย กับ อ.ขุนตาล บริเวณหลักกม.ที่ 5 เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังไว้เฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งเวลา 19.00 น.วันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พบกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดออกมาจากที่ซุกซ่อน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แต่ถูกกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดยิงต่อสู้ และได้กระโดดลงไปในแม่น้ำอิงและสามารถหลบหนีไปได้ แต่สามารถยึดยาบ้าจำนวน 730,000 เม็ด ยาไอซ์ 30 กก.บรรจุอยู่ในถุงปุ๋ย รถกระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ ทะเบียน บษ 4678 เชียงราย และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ ทะเบียน กบม 216 พะเยา อย่างไรก็ตาม ตำรวจทราบชื่อหนึ่งในขบวนการลำเลียงยาเสพติดรายนี้ คือ นายซะ แซ่ท้อ ชาว จ.เชียงราย อยู่ระหว่างเตรียมเสนอศาลออกหมายจับต่อไป

รายที่ 3 พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช ผกก.2 บก.ปส.1 พ.ต.ท.ผดุงศิลป์ แห่งหน พ.ต.ท.อุดมรัตน์ อิทธิโสภาพันธุ์ รอง ผกก.2 บก.ป.ส.1 นำกำลังเข้า จับกุม นายแบรี่ อกีบัว หรือ มีชี่ อายุ 34 ปี สัญชาติกินี พร้อมของกลางยาไอซ์ 1 กก.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 1812 รร.เซ็นเตอร์พอยท์ เลขที่ 6 ซ.เพชรบุรี 15 แขวงพญาไท เขตราชเทวี กทม.เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา

รายที่ 4 พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร ผบก.ปส.4 พ.ต.ท.บุญเลิศ ปานโต สว.กก.1 บก.ปส.4 นำกำลังเข้าจับกุม นายศรศักดิ์ จุ้ยเจริญ อายุ 33 ปี ชาว จ.นครปฐม นายทรงพล ปู่กล่ำ อายุ 19 ปี ชาว จ.นครปฐม นายวันชัย สวนจันทร์ อายุ 23 ปี ชาว จ.นครปฐม นายเจริญสุข โสภณวิมลกิจ อายุ 30 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร และ น.ส.เสาวลักษณ์ สร้อยอำภา อายุ 23 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด ยาไอซ์ 27.75 กรัม โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง 1-1192 สมุทรสาคร รถจักรยานยนต์ 2 คัน เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง และเงินสดจำนวน 10,000 บาท โดยจับกุมนายศรศักดิ์ นายทรงพล และ นายวันชัย ได้ที่ร้านอาหารไก่ย่างสุภาพร ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม ส่วน นายเจริญสุข และ น.ส.เสาวลักษณ์ จับกุมได้ภายในซอยไม่มีชื่อ ถ.สหกรณ์-โคกขาม ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเครือข่ายเรือนจำสมุทรสาคร ซึ่งตำรวจจะทำการขยายผลถึงตัวผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป

รายที่ 5 พล.ต.ต.ณรงคศักดิ์ ขันธวิจารณ์ ผบก.ขส.บช.ปส.นำกำลังเข้าจับกุม นายนิคม ไสยนนท์ อายุ 43 ปี ชาว จ.สงขลา นายสมหมาย หรือ จ่าหมาย ขุนเศษเกื้อ อายุ 39 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 397 มัด จำนวน 794,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 3 ใบ รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าวิช สีเทา ทะเบียน ฆว 3854 กทม.จำนวน 1 คัน รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน ชป 8349 จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย จำนวน 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุม นายนิคม ได้บริเวณปากซอยนวลจันทร์ 4 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.เวลา 22.00 น. วันที่ 17 ต.ค.2555 ก่อนที่ในเวลา 07.40 น.วันที่ 18 ต.ค.จะสามารถขยายผลจับกุม นายสมหมาย ได้บริเวณหน้าห้อง 103 รร.เลิฟเฮาส์ ถ.นวลจันทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกระแสข่าวที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร.จะไปดำรงตำแหน่งรองนายกฯ หรือลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนายกฯ แต่การขับเคลื่อนดูแลงานด้านยาเสพติด ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของรัฐบาล ฉะนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถือว่ามีความเหมาะสมมาก ทั้งนี้ สำหรับการปราบปรามยาเสพติดนั้น ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ตนจะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อร่วมงานประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย ที่มีหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการในพื้นที่มาร่วมรับฟังนั้น จะมีการพูดในหลายประเด็น ทั้งเรื่องการปรองดองของคนในประเทศ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงเรื่องปัญหายาเสพติดที่จะมีการกำชับไปกับทางผู้ว่าจังหวัด และผู้กำกับการ (ผกก.) ในพื้นที่ โดยผู้ว่าฯ จะต้องทำงานร่วมกับนายอำเภอ และ ผกก.โดยดีมานด์ความต้องการเสพยาเสพติดนั้น จะเพิ่มขึ้นอีกไม่ได้ สถานบริการห้ามเปิดเพิ่มอีก ฉะนั้นใน 90 วันหลังจากนี้ ตนจะรอดูผลอย่างต่อเนื่อง

“การที่มีบางคนพูดว่า ทำไมยาเสพติดยิ่งจับยิ่งเพิ่มขึ้นนั้น ตรงนี้ผมอยากจะชี้แจงว่า ได้เข้าไปหารือกับผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง จึงได้ทราบว่า เขตพม่ามียาบ้าตกค้างอยู่กว่า 500 ล้านเม็ด และได้หารือเรื่องการสกัดกั้นตามแนวชายแดนแล้ว โดยผมขอยืนยันว่า เราทำได้ สกัดกั้นยาได้ ซึ่งที่ผ่านมาในเรื่องของสารตั้งต้นที่บอกว่ามากจากประเทศไทยนั้น จริงๆ แล้วมีปริมาณลดน้อยลง โดยสารตั้งส่วนใหญ่มาจากเวียดนามแล้ว ไม่ได้มาจากไทย โดยบางเรื่องอย่าไปเชื่อฝ่ายค้าน” รองนายกฯ กล่าว


ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส. กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการลดความต้องการยาเสพติดนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป ป.ป.ส.จะลงพื้นที่ปิดล้อมชุมชนเชิงรุก เพื่อค้นหาตัวผู้เสพยาเสพติดเข้ารับการบำบัด ตามโครงการ “ชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน” โดยจะขยายการปฏิบัติออกไปในพื้นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก 928 แห่งทั่วประเทศ โดยเป็นชุมชนเสี่ยงในระดับอำเภอ 878 แห่ง ทั้งนี้ ในวันที่ 20 ต.ค.เวลา 09.00 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทาง เปิด “บ้านอุ่นใจ“ ตามโครงการ “ชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน” ที่ศูนย์ประสานงานชุมชนคลองเตย ร.ร.ชุมชนหมู่บ้านพัฒนา
กำลังโหลดความคิดเห็น