xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.แถลงข่าวจับเครือข่ายชาวเขามูเซอ ยึดยาบ้า 6 แสนเม็ด มูลค่า 180 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.แถลงข่าวจับกุม 4 ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดชาวเขาเผ่ามูเซอ ยึดยาบ้า 6 เเสนเม็ด มูลค่า 180 ล้านบาท ที่กองบินตำรวจ
“เพรียวพันธ์” แถลงข่าวการจับกุม 4 ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดมูเซอทางภาคเหนือ ยึดยาบ้า 6 แสนเม็ด มูลค่ากว่า 180 ล้านบาท

วันนี้ (14 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กองบินตำรวจ ดอนเมือง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 และเจ้าหน้าที่ สภ.พร้าว จ.เชียงใหม่ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดมูเซอทางภาคเหนือ ประกอบด้วยผู้ต้องหา 4 ราย คือ นายสำราญ แสนหลวง อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 235 หมู่ 13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, นายพงศภัค เรืองกิจสุวรรณ หรือเลายี่ปา อายุ 41 บ้านเลขที่ 223/3 หมู่ 13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, นายสมยศ เลาหมี่ อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 223/8 หมู่ 13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และนายนพพร พนาศิริสมบูรณ์ อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 223/3 หมู่ 13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 600,000 เม็ด มูลค่ากว่า 180,000,000 บาท รถยนต์ปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์-ทอง หมายเลขทะเบียน บห 6485 เชียงใหม่ รถยนต์ปิกอัพแค็บยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า-เทา หมายเลขทะเบียน ผท 8843 เชียงใหม่ และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง สามารถจับกุมตัวได้ที่บนถนนบ้านขุนแจ๋-บ้านเวียงป่าเป้า อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2555 ผกก.สภ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังในการตั้งจุดสกัดบนถนนบ้านขุนแจ๋-บ้านเวียงป่าเป้า อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พบรถกระบะต้องสงสัย 2 คันจึงทำการตรวจค้น โดยรถกระบะคันแรกมีนายสำราญเป็นผู้ขับขี่ และนายพงศภัคนั่งมาด้วย ซึ่งไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่จากการตรวจสอบพบว่าทั้งสองมีประวัติและพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และตรวจค้นรถกระบะคันที่ 2 มีนายสมยศเป็นผู้ขับขี่ และนายนพพรนั่งมาด้วย ผลการตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุอยู่ในตู้เซฟ ในกระเป๋าเป้จำนวน 6 ใบมียาบ้ารวม 600,000 เม็ด ซึ่งมีถุงปุ๋ยขี้ไก่เต็มคันรถทับอยู่

สอบสวนผู้ต้องหาทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่อาศัยภายในบ้านหลังเดียวกัน จึงน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยนายสำราญให้การปฏิเสธว่ายาเสพติดดังกล่าวไม่ใช่ของตน ซึ่งอ้างว่าได้ซื้อรถกระบะคันดังกล่าวมาจากเต็นท์รถแห่งหนึ่งโดยไม่ทราบว่ามีตู้เซฟที่ซ่อนยาเสพติดอยู่ในรถ ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบอีกว่าเครือข่ายยาเสพติดมูเซอรับยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และจะมาจ้างผู้ต้องหาขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศ โดยได้รับค่าจ้าง 500,000 บาท ซึ่งจะนำยาเสพติดมาพักไว้ที่ จ.เชียงใหม่ และในแต่ละครั้งจะมีการขนยาล็อตใหญ่ เพื่อเข้าสู้ตอนในของประเทศ

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นชาวเขาเผ่าลีซอ ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มมูเซอโดยไปรับยาบ้ามาจากแนวชายแดนเพื่อมาส่งยังพื้นที่ กทม. และขบวนการค้ายาเสพติดมีวิธีลบเลี่ยงด่านตรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจแนบเนียนมากยิ่งขึ้น โดยนายสำราญผู้ต้องหามีขึ้นบัญชีดำอยู่ที่ตำรวจภูธรภาค 5 สืบสวนทราบว่าทำมาแล้วหลายครั้ง และมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการอยู่อีก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ ก็ไม่กังวลว่าจะมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดมากขึ้น เนื่องจากได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ปราบปรามไว้หมดแล้ว ทั้งตำรวจ บช.ปส. และหน่วยอื่นๆ ซึ่งคาดว่าขบวนการค้ายาคงหลบหนีไม่พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน

ด้าน พล.ต.ท.ชัยวัฒน์กล่าวว่า ในทางการข่าวของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศจำนวนมาก แต่สามารถจับกุมได้เพียงร้อยละ 15 ของยาบ้าที่เล็ดลอดเข้ามาภายในประเทศ ขณะที่เมื่อวานที่ผ่านมา มียาเสพติดล็อตใหญ่ประมาณเกือบล้านเม็ดลำเลียง เข้ามาตอนในของประเทศ แต่ระหว่างติดตามจับกุมผู้ต้องหาไหวตัวทัน จึงยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ อย่างไรก็ตามจะมีการสืบสวนติดตามจับกุมเครือข่ายดังกล่าวมาดำเนินคดีต่อไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

กำลังโหลดความคิดเห็น