คณะลูกทัวร์ไทยที่ติดค้างอยู่ที่สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ กว่า 200 ชีวิตเดินทางกลับถึงมาตุภูมิแล้วเมื่อเช้ามืดวันนี้ หลังติดปัญหาเรื่องการค้างชำระค่าบริการน้ำมัน โดยผู้บริหารสายการบินซีพีแอร์พร้อมกล่าวขอโทษผู้โดยสารชาวไทย ขณะที่กรมการท่องเที่ยวแนะให้ผู้เสียหายร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวปี พ.ศ. 2551
วันนี้ (18 ต.ค.) ที่สนามบินดอนเมือง ฝั่งผู้โดยสารขาเข้า อาคาร 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางคณะทัวร์ไทยที่ติดค้างอยู่ที่สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 218 คน ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วด้วยเที่ยวบิน GT221 จากอินชอน-กรุงเทพมหานคร ด้วยสายการบินพีซีแอร์ เครื่องแอร์บัส 310-222 หลังจากติดปัญหาเรื่องการค้างชำระค่าบริการน้ำมันที่สนามบินอินชอน จนไม่สามารถเดินทางออกมาได้ตามกำหนดการวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยที่ประตูทางออกพบนายปีเตอร์ ชาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินซีพีแอร์ และพนักงานต้อนรับของสายการบิน นำดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงจำนวนหนึ่งมามอบแก่ผู้โดยสารเพื่อเป็นกำลังใจและกล่าวคำขอโทษสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเที่ยวบินนี้ ซึ่งมีผู้โดยสารบางส่วนไม่ยอมรับดอกกุหลาบจากเจ้าหน้าที่และรีบออกประตูเดินทางกลับไปทันที ส่วนบริเวณทางออกได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมการท่องเที่ยว สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว นำโต๊ะมาตั้งไว้เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนประสบปัญหาเกี่ยวกับการเดินทางของสายการบินในครั้งนี้
นายปีเตอร์ ชานกล่าวว่า ภายในวันนี้ตนจะเดินทางไปที่ประเทศเกาหลีใต้เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าทำไมทางเจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้จึงทำกับคนไทยแบบนี้ ต้องไปหาคำตอบว่าทำไมต้องให้ชำระค่าน้ำมันจำนวน 400,000 เหรียญสหรัฐภายใน 17.30 น. ของวันที่ 16 ต.ค.เท่านั้นจนทำให้คนไทยเกิดความเสียหายและได้รับความเดือดร้อน ซึ่งตนก็พร้อมรับความผิดทุกขั้นตอนในฐานะผู้บริหารของสายการบินและคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งตนได้ก่อตั้งบริษัทสายการบินนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะให้คนไทยได้ไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้กันอย่างมีความสุข และเหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะทางบริษัทที่ดำเนินการเกี่ยวกับการชำระค่าน้ำมัน ไม่ควรที่จะเอาคนไทยมาเป็นตัวประกัน ซึ่งตนก็ยืนยันแล้วว่าจะชำระภายในวันที่ 17 ต.ค.ตอนช่วงเช้าทันที เนื่องจากวันที่ 16 ต.ค.ทางธนาคารได้ปิดทำการลงก่อนที่จะเดินทางไปชำระเงินจำนวนดังกล่าว จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้บริษัทเสียหายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และเบื้องต้นจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถ้าหากไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวตนก็พร้อมจะปิดให้บริการลงทันที
ด้าน น.ส.ลักขณา สิทธิ์สกนธ์กุล อายุ 31 ปี ผู้โดยสารของสายการบินพีซีแอร์ที่มีปัญหาในครั้งนี้ กล่าวว่า ได้ซื้อทัวร์จากบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อที่จะเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. และมีกำหนดการกลับวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อถึงวันเดินทางกลับได้รับแจ้งจากทางไกด์ทัวร์ว่าเครื่องบินได้มีการเลื่อนเที่ยวบินเร็วขึ้นจากกำหนดการในเวลา 19.40 น.มาเป็น 18.00 น. (ตามเวลาประเทศเกาหลีใต้) ซึ่งตนก็เอะใจอยู่บ้างแล้ว แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จนเมื่อมาถึงสนามบินอินชอนพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ อีก 218 คน และได้ทำการโหลดกระเป๋าก่อนที่จะเช็กอิน และเข้าไปนั่งรออยู่ในอาคารผู้โดยสารฝั่งขาออกเรียบร้อยแล้ว และเมื่อถึงเวลาดังกล่าวก็เห็นเครื่องบินจอดอยู่ที่ประตูงวงช้างที่เชื่อมกับอาคารผู้โดยสารแล้วแต่ยังไม่สามารถเข้าไปในตัวเครื่องได้ และรอจนกระทั่งเวลา 20.00 น.ก็ยังไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ จนทำให้มีผู้โดยสารบางคนเข้าไปสอบถามถึงสาเหตุที่ยังไม่สามารถขึ้นบินได้ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ของสายการบิน จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. ที่ประตูทางเข้าเครื่องได้มีนักบินพร้อมลูกเรือออกมายืนด้านนอกเช่นเดียวกัน ทำให้ตนเองและผู้โดยสารคนอื่นๆ เกิดความสงสัย จึงเดินเข้าไปสอบถาม ก็ได้รับคำตอบเพียงว่าถ้าภายในเที่ยงคืนนี้ไม่สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้ก็จะไม่สามารถบินออกไปได้อีกแล้ว ทำให้ตนเองและผู้โดยสารคนอื่นๆ งงไปตามๆ กันเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะถ้าเครื่องดีเลย์ทางสายการบินก็น่าจะตอบได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ทำให้ผู้โดยสารจำนวน 218 คนต้องนอนอยู่ที่สนามบินอย่างไม่มีกำหนด โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ของสายการบินและพนักงานของบริษัททัวร์มาดูแลพร้อมให้ข้อมูลแต่อย่างใด
น.ส.ลักขณากล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ประสบปัญหาได้พยายามติดต่อกับทางสถานทูตก็ได้รับคำตอบว่ากำลังดำเนินการหาทางช่วยเหลืออยู่แต่ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่าจะมีวิธีการช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งตนและคนอื่นๆ รู้สึกแย่มากกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เนื่องจากได้มีเด็กและคนแก่เดินทางไปเที่ยวครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ของสนามบินอินชอนและเจ้าหน้าที่จากไทยเลย ทำให้ผู้โดยสารทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเองและหาซื้อข้าวกินกันเอง และต้องนอนรออยู่บนเก้าอี้ที่สนามบินนานกว่า 30 ชั่งโมง จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตนและครอบครัวไม่อยากจะไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้อีกเลย
ขณะที่นายสมภพ อ่ำคิด หัวหน้างานตรวจปฏิบัติตามกฎหมาย กรมการท่องเที่ยว สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาตั้งโต๊ะและนำแบบฟอร์มสำหรับการยื่นเรื่องร้องเรียนมาให้ผู้โดยสารเพื่อที่จะสามารถเขียนร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวปี พ.ศ. 2551 หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนแล้ว จะได้สอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น และเรียกบริษัททัวร์ที่เกี่ยวข้องพร้อมกับผู้เสียหายมาไกล่เกลี่ย ซึ่งทางกรมการท่องเที่ยวได้มีวงเงินประกันของบริษัททัวร์ที่ได้มาจดทะเบียนไว้จำนวน 200,000 บาทอยู่ทุกบริษัทเพื่อเป็นการชดใช้ให้แก่ลูกทัวร์ เนื่องจากหากสอบสวนแล้วพบว่าเป็นความผิดของบริษัทก็จะมีการชดเชยค่าเสียหายได้ทันที ส่วนบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนก็จะดำเนินคดีอาญาในข้อหาบริษัททัวร์เถื่อนทันที ซึ่งทางกรมการท่องเที่ยวมีบทลงโทษความผิดกับบริษัททัวร์ต่างๆ ตั้งแต่ระงับใช้ใบประกอบกิจการ เพิกถอน และยึดใบประกอบกิจการ
นายสมภพกล่าวอีกว่า ส่วนประชาชนที่มีปัญหาเกี่ยวกับบริษัททัวร์และนำเที่ยวต่างๆ สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนได้ที่ กรมการท่องเที่ยว สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง เลขที่ 154 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2401-1111, 0-2219-4029-32 ในวันและเวลาราชการ