“เด็จพี่” ออกโรงให้เจ้านาย เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีต่อ “มาร์ค” พร้อมพรรคพวกหมิ่นประมาท “นช.ทักษิณ” บงการชายชุดดำฆ่าประชาชน!
วันนี้ (17 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.ลุมพินี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ลุมพินี และพ.ต.ท.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช นายสาธิต ปิตุเตชะ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากกรณีกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับชายชุดดำในการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 โดยนำคลิปวีดีโอและเอกสารถอดเทปคำปราศรัย มามอบให้ไว้เป็นหลักฐาน
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2555 ที่สโมสรพลเมืองอาวุโส แห่งเมืองกรุงเทพมหานคร สวนลุมพินี นายอภิสิทธิ์พร้อมพวกได้ร่วมกันปราศรัยใส่ความเท็จแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อบุคคลที่สามว่า “เป็นผู้บงการชายชุดดำและการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2552 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 มีการวางแผนให้เกิดการสูญเสียในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ใช้ชีวิตประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง” ซึ่งข้อความทั้งหมดเป็นความเท็จ ปราศจากพยานหลักฐาน เป็นเพียงคำกล่าวอ้างลอยๆ ทำอะไรประชาชนและสื่อมวลชนที่มาร่วมฟังการปราศรัยหลงเชื่อ มีการนำข้อความไปเผยแพร่ตามสิ่งพิพม์และสื่อออนไลน์คอมพิวเตอร์ เพื่อดิสเครดิตความน่าเชื่อถือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชังเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าวและมิได้เป็นผู้บงการหรือไม่ได้จ้างบุคคลใดๆ ให้ไปฆ่าใครทั้งสิ้น ซึ่งการกระทำของบุคคลทั้ง 5 จึงเป็นการร่วมกันหมิ่นประมาทและยังเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย
“นอกจากนี้ยังได้แจ้งความดำเนินคดีต่อนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในความผิดฐานเดียวกัน จากกรณีเมื่อวัน 21 สิงหาคม 2555 นายกษิตได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา โดยมีข้อความบางตอนเป็นการใส่ความเท็จกล่าวหาว่า “พ.ต.ท.ทักษิณเป็นโจร ถูกตั้งข้อหาทุจริตคอร์รัปชันและยุยงให้เผาบ้านเผาเมือง” โดยปราศจากพยานหลักฐาน ทำให้ผู้อื่นที่ได้ยินรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชัง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมากจึงเดินทางเข้าแจ้งความดังกล่าว” นายพร้อมพงศ์กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความพร้อมทำการสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนนำไปประชุมพิจารณา
