สตม.รวบชาวโคลัมเบียตั้งแก๊งลักทรัพย์ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ตะลึงมีเพื่อนร่วมขบวนการกว่า 40 คน ซึ่งเมื่อขายทรัพย์สินแล้วจะโอนเงินไปต่างประเทศทันที
วันนี้ (16 ต.ค.) พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม.แถลงข่าวจับกุมแก๊งอเมริกาใต้ตระเวนงัดแงะทรัพย์สินตามบ้านเรือนประชาชน โดยชุดสืบสวนนำโดย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.สตม. พร้อมกำลังจับกุม นายตอร์เรส รอดิเกรส คาร์ลอส เนริเก้ ชาวโคลัมเบีย อายุ 35 ปี หัวหน้าแก๊ง พร้อมพวกสัญชาติเดียวกันรวมทั้งหมด 11 คน พร้อมของกลางทรัพย์สินมีค่าประเภทสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวนเพชร จำนวนหลายรายการ และรถยนต์พาหนะที่ใช้ก่อเหตุ 3 คัน พร้อมอุปกรณ์งัดแงะ
พล.ต.ท.ภาณุเปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก สตม.ได้รับการร้องเรียนว่ามีแก๊งชาวอเมริกาใต้ออกอาละวาดงัดแงะบ้านเรือนประชาชน จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.สตม.ทำการสืบสวนและขยายผล ได้ผู้ต้องหาที่เป็นเครือข่ายเดียวกันพร้อมของกลาง จำนวนมาก โดยแก๊งคนร้ายจะใช้วิธีเช่ารถยนต์มาจากพัทยา จ.ชลบุรี และ จ.ภูเก็ต จากนั้นจะตระเวนออกลักทรัพย์ และยกลักเซฟตามบ้านเรือนในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้งเมืองท่องเที่ยวต่างๆ โดยจะเลือกบ้านเหยื่อที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ทำทีกดกริ่ง ถ้าไม่มีใครอยู่ก็จะเข้าไปลักของมีค่าทุกอย่าง จะเลือกเฉพาะบ้านหลังเก่าๆ ที่อาศัยอยู่มานาน ตระเวนก่อเหตุในช่วงค่ำๆ หลังจากได้ทรัพย์สินแล้วจะส่งกลับประเทศตนเองทันทีโดยผ่านบริษัทจัดส่งพัสดุต่างๆ ส่วนหนึ่งจะนำไปจำนำ และขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าย่านซอยเสือใหญ่อุทิศ ซึ่งเมื่อขายทรัพย์สินแล้วจะโอนเงินไปต่างประเทศทันที จะไม่เก็บของที่ลักไว้นาน
จากการสอบสวน นายตอร์เรส หัวหน้าแก๊งให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่าเข้ามาในประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยว จะเช่าบ้านและอพาร์ตเมนต์เปลี่ยนไปเรื่อย จากการตรวจสอบประวัติพบว่าส่วนใหญ่วีซ่าขาดแต่ยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทยเพื่อก่อเหตุมาเป็นเวลาหลายปี และยังเคยถูกจำคุกมาแล้ว 2 ปีในข้อหาลักทรัพย์ อีกทั้งยังมีเพื่อนร่วมขบวนการเดียวกันกว่า 40 คนกระจายอยู่ในพื้นที่ กทม. นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบลายนิ้วมือแล้วพบว่าหนึ่งในแก๊งมีลายนิ้วมือที่ตรงกับปี 2552 ที่เคยก่อเหตุในท้องที่นนทบุรี จึงทำการประสานกับ บช.น.เพื่อขยายผลต่อเพราะมีการก่อเหตุในพื้นที่นครบาลเช่นกัน
เบื้องต้นได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และควบคุมตัวเพื่อขยายผลพร้อมผลักดันออกนอกประเทศ หากพบว่าผู้ใดมีคดีอาญาก็จะดำเนินคดีก่อน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่เคยถูกโจรกรรมทรัพย์สามารถมาตรวจสอบทรัพย์สินได้ที่ สตม.
พล.ต.ท.ภาณุกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ชุดสืบสวน สตม.ยังล่อซื้อยาบ้าและเข้าจับกุมนายวินัย ภักดี อายุ 47 ปี และนายดำ อายุ 27 ปี ชาวพม่า บริเวณตลาดกุนธร อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางยาบ้า 71 เม็ด และเงินสด 49,620 บาท แจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด ประเภทที่ 1 ยาบ้า และแจ้งข้อหาเพิ่มนายดำ หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
อีกคดียังจับกุมนายมูฮัมหมัด ฟารุค บัตต์ อายุ 44 ปี ชาวปากีสถาน และนายโมฮานาทัส ซีนีทัมบี้ อายุ 62 ปี ชาวฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับขบวนการนายหน้านำพาผู้อพยพ (ลูกแพะ) ชาวปากีสถานและอัฟกานิสถานไปยังประเทศที่ 3 เบื้องต้นจะเพิกถอนใบอนุญาตไม่ให้อยู่ในประเทศไทยต่อไป