นิติเวชจุฬาฯ เผยผลตรวจ 3 โครงกระดูกในไร่หมอสุพัฒน์ 1 โครงกระดูกเป็นของนายต้า แรงงานพม่า อีก 2 โครงกระดูกเป็นชายแต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร
วันนี้ (10 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ.นพ.อุดมศักดิ์ หุ่นวิจิตร หัวน้าหน่วยนิติพันธุกรรมศาสตร์และหน่วยวิชาการ แถลงผลการพิสูจน์ชันสูตรโครงกระดูกทั้ง 3 ที่ถูกขุดพบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหวัฒนะ ซึ่งส่งมาตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ
ผศ.นพ.อุดมศักดิ์เปิดเผยว่า ภายหลังได้นำโครงกระดูกทั้ง 3 มาตรวจพิสูจน์ ทางคณะแพทย์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำการชันสูตรในครั้งนี้ ประกอบด้วย แพทย์ทีมนิติเวช นักนิติวิทยาศาสตร์ ทีมทันตแพทย์จากภาควิชารังสีวิทยา คณะทันตแพทย์ จุฬาลงกรณ์ โดยดำเนินการตรวจโครงกระดูกตามหลักนิติมานุษยวิทยา การตรวจฟันตามหลักนิติทันตกรรม และการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ซึ่งผลการชันสูตรสามารถสรุปได้ว่าโครงกระดูกทั้ง 3 โครงเป็นเพศชาย และตรวจพบรูที่คาดว่าน่าจะเกิดจากร่องรอยของกระสุนปืนทางเข้าบริเวณที่กะโหลกศีรษะ 2 โครงกระดูก ส่วนโครงที่ 3 ไม่พบว่ามีร่องรอยกระสุนปืน ซึ่งผลการตรวจสารพันธุกรรมสามารถยืนยันได้ว่าหนึ่งในโครงกระดูกทั้ง 3 คือ นายต้า หรือตั้ง ชาวพม่า ซึ่งเป็นบิดาของ ด.ช.โซโหร่ยโหร่ย ชาวพม่า และนายต้า เป็นบุตรชายของ นายบิเอ่ หรือปิเอ ชาวพม่า จากการนำสารพันธุกรรมคือเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้ม และเส้นผม ของทั้ง 2 คนมาเปรียบเทียบพบว่าตรงกัน จึงสามารถยืนยันได้ว่าเป็นนายต้า ชาวพม่า
ผศ.นพ.อุดมศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลการเปรียบเทียบโครงกระดูกของนายต้านั้น ได้ดังนี้ คือ กะโหลกศีรษะ มีอายุระหว่าง 29-44 ปี กระดูกเชิงกรานมีอายุระหว่าง 20-29 ปี ส่วนฟันนั้นเนื่องจากมนุษย์เมื่อมีอายุเกิน 25 ปีขึ้นไปฟันจะคงที่ จึงยืนยันได้ว่าฟันมีอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป สรุปอายุรวมโครงกระดูกประมาณ 25-44 ปี ส่วนดีเอ็นเอของภรรยา นายต้าที่นำมาเปรียบเทียบนั้นเพื่อยืนยันว่า ด.ช.โซโหร่ยโหร่ย เป็นลูกชายของนายต้าจริง และสำหรับรูกระสุนปืนที่พบที่ศีรษะนั้นมีขนาด 0.8 ซม. แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นขนาดใด ในส่วนนี้ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฝ่ายพิสูจน์ สำหรับในส่วนของนายเล็ก เฮงสุวรรณ นางเอื้อม เกิดทรัพย์ และนายเอกพล จันทร์ลาด ที่พนักงานสอบสวนได้ส่งสารพันธุกรรมมาตรวจความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมกับโครงกระดูกทั้งหมดนั้นยังไม่พบว่ามีโครงกระดูกใดที่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมตรงกับบุคคลทั้งสาม
“สำหรับโครงกระดูกอีก 2 โครงที่เหลือ คือ โครงกระดูกที่ 2 และ 3 นั้น พบว่าโครงกระดูกที่ 2 มีลักษณะผุมากกว่าอีก 2 โครงกระดูก โดยโครงกระดูกที่ 2 เป็นเพศชาย อายุประมาณ 18-21 ปี สูงประมาณ 158-168 ซม. เป็นชายเอเชีย และมีร่องรอยกระสุนปืนที่ศีรษะ ส่วนโครงกระดูกที่ 3 นั้น เป็นเพศชายอายุประมาณ 18-24 ปี สูงประมาณ 163-172 ซม.เป็นชาวเอเชีย ไม่พบร่องรอยกระสุนปืน และมีคราบคล้ายกับคนกินหมากติดอยู่ที่ฟันด้วย ส่วนดีเอ็นเอของทั้ง 2 โครงนั้นอยู่ระหว่างการหาตัวอย่างมาเปรียบเทียบ หากใครสงสัยว่าจะเป็นญาติหรือยังข้องใจสามารถนำดีเอ็นเอส่งมาเปรียบเทียบได้” ผศ.นพ.อุดมศักดิ์กล่าว