ลูกชาย “หมอสุพัฒน์” เดินหน้าช่วยพ่อพ้นมลทิน เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่ถึง ผบ.ตร. ชี้พ่อไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเอก เลาหะวัฒนะ ลูกชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาในคดีอุ้มสองสามีภรรยา ได้เดินทางยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนสืบสวนในคดีของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ โดยมี พ.ต.ท.เชาวลิตพงศ์ เฟื่องประยูร สว.ฝอ.สลก.ตร.เป็นผู้รับหนังสือ
นายเอกกล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนพยายามแสวงหาข้อหาโดยที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่ามีการกระทำความผิดเลย และที่ผ่านมาไม่ได้ออกมาให้ข่าวหรือให้ข้อมูลใดๆ เหมือนโดนอยู่ฝั่งเดียว ไม่ได้รับความยุติธรรมในการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน
นายเอกกล่าวอีกว่า ที่มายื่นหนังสือวันนี้ก็เพื่อให้มีการสอบปากคำพยานเพิ่มที่เกี่ยวข้องทุกปาก ทั้งตนเอง ผู้ถูกกล่าวหา และพยานอื่นๆ ให้ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของเจ้าพนักงานตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก และขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่ อยากให้พนักงานสอบสวนในส่วนกลางมาทำคดีแทน อาจจะเป็นกองปราบปรามหรือหน่วยไหนก็ได้แล้วแต่ทาง ผบ.ตร.จะพิจารณา
นายเอกกล่าวอีกว่า สำหรับคลิปของย่ากับพ่อที่เผยแพร่ออกมาซึ่งแสดงความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อกับย่านั้นก็เพื่อให้สังคมเห็นในแง่มุมอีกแง่หนึ่งว่าจริงๆ แล้วพ่อกับย่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อยากให้นักข่าวนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงไม่เบี่ยงเบนประเด็น ตอนนี้พ่อก็สุขภาพดี โรคเบาหวานก็กินยาตามปกติ มีกังวลเรื่องข่าวที่ออกมาบ้างในส่วนข้อมูลอื่นๆ ตนเองก็ไม่ทราบ เรื่องประกันตัวพ่อก็ดำเนินการอยู่แต่ศาลยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว
สำหรับใจความในหนังสือร้องเรียน ดังนี้ “ข้าพเจ้า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องขังในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นฯ ร่วมกันลักของโจร โดยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าไม้รวก ได้ขอฝากขังผู้ต้องหาเป็นหมายเลขคดีดำที่ ฝ.2079/2555 ของศาลจังหวัดเพชรบุรี ต่อเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี
ข้าพเจ้าขอเรียนว่าการที่ข้าพเจ้าถูกตั้งข้อหาดังกล่าวนั้น ข้อหาดังกล่าวไม่ได้มีมูลแห่งการกระทำความผิดที่น่าเชื่อหรืออาจเชื่อว่าเกิดจากการกระทำความผิดของข้าพเจ้า การตั้งข้อหาดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อให้เจ้าพนักงานมีอำนาจในการใช้อำนาจรัฐเพื่อกระทำการบางอย่างทั้งที่ข้อหาดังกล่าวเป็นเพียงข้อหาที่มีโทษสถานเบา และยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดในการเชื่อมโยงไปถึงข้อหาฆ่านายสามารถ นุ่มจุ้ย และนางอรษา เกิดทรัพย์ ตามที่นายสว่าง นุ่มจุ้ย กล่าวหาแต่อย่างใด นอกจากคำซัดทอดจากพยานเพียง 1 ปาก แต่กลับมีการกระทำที่รีบร้อนในการออกหมายจับต่อข้าพเจ้า ไม่เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าชี้แจงข้อเท็จจริง ทั้งลักษณะการจับกุมก็เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ข้อหาที่กล่าวโทษข้าพเจ้านั้นไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ ข้าพเจ้ามิใช่ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ แต่ทางเจ้าพนักงานตำรวจกลับใช้กำลังตำรวจกว่าร้อยนายในการประสงค์จะเข้าจับกุมข้าพเจ้า ที่อยู่เพียงลำพังในที่สาธารณะ และการออกหมายจับก็เป็นการออกหมายจับที่เกินกว่าเหตุ
ส่วนการสอบสวนพนักงานสอบก็ไม่มีความเป็นกลางเนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จก็ออกมาให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวอันเป็นลักษณะการชี้นำฟังความข้างเดียวและชักจูงใจ ข้าพเจ้าขอกราบเรียนด้วยความสัตย์จริงว่า ข้าพเจ้ายังไม่เคยได้รับหมายเรียกจากเจ้าพนักงานตำรวจแต่อย่างใด ข้าพเจ้าได้รับการปฏิบัติดังข้าพเจ้าเป็นผู้ก่อการร้าย ข้าพเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านการแสวงหาข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาเพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 ข้าพเจ้ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งเปิดคลีนิกเป็นของตนเอง ทั้งข้าพเจ้ายังคงทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ทุกสถานที่กลับไม่ปรากฏว่ามีหนังสือหรือหมายเรียกใดๆ ส่งมาให้แก่ข้าพเจ้า แต่ภายหลังที่ทราบข่าวว่าข้าพเจ้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องและตกเป็นผู้ต้องสงสัย ข้าพเจ้าได้ติดต่อไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ เพื่อขอเข้าให้ปากคำ โดยได้มีการนัดไว้ครั้งหนึ่งแต่เนื่องจากข้าพเจ้ามีภาระกิจที่ต้องสืบพยานที่ศาลเยาวชนฯให้เสร็จสิ้น ในวันที่ 25 กันยายน 2555 ข้าพเจ้าได้ติดต่อไปขอเลื่อนการให้ปากคำในวันที่ 27 กันยายนกลับมีการออกหมายจับข้าพเจ้าทันที อันเป็นข้อพิรุธสงสัยในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจอย่างยิ่ง ซึ่งข้าพเจ้าเองได้โต้แย้งไว้ในบันทึกการจับกุมและรับมอบตัวของเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงอยากขอเรียกร้องความเป็นธรรมต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยประสงค์ขอให้ทางผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบการทำงานของเจ้าพนักงานตำรวจที่เกี่ยวข้อง และข้าพเจ้าขอร้องเรียนให้มีการเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน โดยข้าพเจ้าพร้อมที่จะแจ้งให้พยานเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนชุดใหม่ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อความยุติธรรม”