ตร.ยันแก๊งค้าอาวุธสงครามเอี่ยวแดง

รอง ผบช.น.ยันอาวุธสงครามที่จับยึดได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้าอาวุธสงครามจากชายแดนลาว ทราบตัวผู้เช่าแล้วเป็นน้องสาวของจ่าปริญญา และกำลังอยู่ระหว่างการติดตามตัว

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบห้องเลขที่ 189/1 แฟลตเอื้ออาทร อาคาร 39 ถ.ปัญญาอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา และพบอาวุธสงครามซุกซ่อนอยู่ในห้องดังกล่าวเป็นจำนวนมากพร้อมกับตรวจยึดไว้ทั้งหมด ต่อมาได้สืบทราบว่า จ.ส.ต.ปริญญา มณีโคตม์ อดีตตำรวจ สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มีความเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามดังกล่าว

วันนี้ (10 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.เปิดเผยความคืบหน้าว่า หลังจากที่พบเอกสารบางอย่างภายในห้องเช่าดังกล่าวปรากฏว่า จ.ส.ต.ปริญญา มีความเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามจริง และขณะนี้ จ.ส.ต.ปริญญาได้ถูกดำเนินคดีอยู่ภายในเรือนจำธัญบุรี เกี่ยวกับการค้าอาวุธสงคราม เมื่อปี 2553 ส่วนการดำเนินคดีต่อนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนจากพยานภายนอกก่อน พร้อมอายัดตัวไว้และสอบปากคำเพิ่มเติมภายในเรือนจำ ซึ่งอาจมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

พล.ต.ต.ปริญญากล่าวอีกว่า วานนี้ (9 ต.ค.) นายบุญชู พุ่มเจริญ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกษียณราชการไปแล้วได้เดินทางมาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาวแล้ว ซึ่งนายบุญชูได้ให้นายยิ้มเป็นคนดูแลห้องเช่าดังกล่าวและให้ส่งเงินค่าเช่าให้กับตน ส่วนนายยิ้มให้การว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอเช่าห้องดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่าผู้หญิงคนนี้ คือ น้องสาวของ จ.ส.ต.ปริญญา ที่ถูกจับกุมตัวดำเนินคดีไปแล้ว ขณะนี้ให้ฝ่ายสืบสวนออกติดตามตัวมาเพื่อมาสอบปากคำเบื้องต้น

พล.ต.ต.ปริญญากล่าวต่อว่า ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 ติดตามจับกุมตัวการใหญ่ได้บริเวณเขตชายแดนประเทศลาว โดยพบว่า จ.ส.ต.ปริญญาอยู่ในขบวนการค้าอาวุธสงคราม และมีการซื้อขายอาวุธปืนจากทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นขบวนการค้าอาวุธสงครามมากกว่า เพราะอาวุธมีเพียงเฉพาะอะไหล่และตัวกระบอกปืนก็ไม่มี โดยขบวนการทั้งหมดมี 6 คน ขณะนี้ถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมายหมดแล้ว

“เบื้องต้นนอกจาก จ.ส.ต.ปริญญาแล้วยังมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่นั้น ต้องสอบสวนน้องสาวของ จ.ส.ต.ปริญญาก่อนว่ามีส่วนรู้เห็นกับการขนย้ายอาวุธปืนสงครามนี้หรือไม่ และยังไม่มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด” รอง ผบช.น.กล่าว