มือฉีดสารคอลลาเจน พริตตี้สาว ดอดเยี่ยมพริตตี้ที่ รพ.กล้วยน้ำไท 1 ระบุ พร้อมคืนเงิน 4 หมื่น ให้เหยื่อผู้เสียหาย และค่ารักษาพยาบาล ส่วนเรื่องคดีตำรวจนัดสอบปากคำ-แจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีกครั้ง
วันนี้ (23 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าห้องไอ.ซี.ยู.โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 ว่า ยังคงมีกลุ่มเพื่อนพริตตี้เอ็มซี ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเยี่ยมน้องกระแต เหยื่อผู้เสียหาย โดยมี นายละเมียด เขตขันฑ์ อายุ 64 ปี พ่อ และกลุ่มญาติเฝ้าอาการอยู่หน้าห้องไอ.ซี.ยู.ขณะเดียวกัน นางระเบียบ ผินกลับ อายุ 57 ปี แม่ของน้องกระแต พร้อมกลุ่มเพื่อนพริตตี้ของน้องกระแต อีกกลุ่ม ได้เดินทางไปทำบุญถวายภัตตาหารเพล และทำบุญผ้าป่าที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พร้อมทั้งขอพรจากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ช่วยให้น้องกระแต ฟื้นกลับมา
นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าได้ตรวจดูอาการคนไข้แล้วพบว่า อาการยังทรงตัวอยู่ ไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิม ม่านตายังขยายอยู่ ไม่มีการตอบสนอง และยังหายใจเองไม่ได้ ความดันโลหิตดีขึ้น ตอนนี้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลกับเกลือแร่ได้แล้ว แต่ก็ต้องให้ยาลดอาการสมองบวม ยาบำรุงสมอง อีกหลายตัว พร้อมทั้งคอยกระตุ้นสมองอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งเฝ้ารอดูอาการเป็นระยะๆ ต่อไป แต่หากเวลาผ่านไปนานขึ้น โอกาสฟื้นก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม หากอาการยังทรงตัวต่อไป 2-3 วัน ก็จะทำการเอกซเรย์สมองอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตามสถิติทางการแพทย์ของต่างประเทศนั้น จากการประเมินกรณีแบบนี้พบว่า หากเกิน 3 วันแล้ว ยังไม่ฟื้น โอกาสฟื้นกลับมาก็มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ และหากเกิน 1 สัปดาห์แล้ว ยังไม่ฟื้นกลับมา โอกาสฟื้นก็น่าจะอยู่ที่ 0 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแพทย์ก็ได้ปรึกษากับพ่อแม่คนไข้แล้ว ถึงเรื่องการดูแลคนไข้หลังจากนี้แล้ว
ต่อมาเวลา 12.30 น.นายธนัช หรือ “ป๊อป” ณัชวีระกุล ได้เดินทางมาขอเยี่ยมน้องกระแต พร้อมทั้งนำกระเช้าดอกไม้ พร้อมเขียนข้อความในกระดาษ ว่า “ถึงคุณกระแต ขอให้หายป่วยไวๆ อาการดีขึ้นในเร็ววันครับ จากป๊อป” มามอบให้ นายละเมียด พ่อของน้องกระแต ก่อนจะกราบขอขมา จากนั้นแพทย์ได้อนุญาตให้นายธนัช เข้าไปเยี่ยมน้องกระแตภายในห้องไอ.ซี.ยู.นานประมาณ 10 นาที โดยเข้าไปจับมือ พร้อมพูดกับน้องกระแต ก่อนจะออกมาสอบถามอาการของน้องกระแต จาก นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์เจ้าของไข้ พร้อมกล่าวว่า ที่เพิ่งเดินทางมาเยี่ยมคุณกระแตในวันนี้ เป็นเพราะก่อนหน้านี้กำลังตกเป็นข่าวอยู่
แต่หลังจากนี้ จะพยายามเดินทางมาเยี่ยมบ่อยขึ้น เพราะอยากให้คุณกระแตอาการดีขึ้น ซึ่งตนก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้ เห็นว่า ยังกะพริบตาได้ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกตัวแล้ว ซึ่งตนยืนยันว่า จะช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล และค่าสินไหมทดแทน ส่วนเรื่องทางคดีนั้น หลังจากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวมาแล้ว ทางพนักงานสอบสวน ก็แจ้งว่า จะนัดตนให้ไปสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นวันไหน อีกทั้งรอดูผลจากแพทย์หลังจากนี้ประมาณ 21 วัน จึงจะทราบว่าสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมใดบ้าง จากนั้นก็จะนัดให้ตนกับพ่อแม่ของคุณกระแตไปเจรจาเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับค่าสินไหมทดแทนอีกครั้ง ส่วนเงินจำนวน 40,000 บาท ที่เป็นค่าฉีดฟิลเลอร์ หรือสารประกอบคอลลาเจน นั้น ก็จะคืนให้พร้อมเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมเลย พร้อมเผยความรู้สึกในวันเกิดเหตุนั้น “สำหรับเหตุการณ์วันนั้นเสียใจรู้สึกแย่ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไวมาก และมันทำให้แย่ในระยะยาว”
นายธนัช กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยทำงานเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง เมื่อช่วงกลางปี 2551 จนถึงช่วงกลางปี 2552 ก็เลิกทำ ก่อนจะออกมาเรียนต่อด้านนิเทศศาสตร์ โดยตั้งใจว่า หลังจบจะทำงานด้านที่เรียนมา แต่เมื่อช่วง 5 เดือนก่อน ก็เริ่มมีกลุ่มคนรู้จักไปซื้อวิตามินซี ราคาหลอดละ 3 บาท มาให้ตนช่วยฉีดให้ โดยมีความเชื่อว่า ถ้าฉีดแล้วจะไม่เป็นหวัด ตนจึงเริ่มฉีดให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยไม่คิดเงิน แต่หากเป็นลูกค้าคนอื่นๆ ที่ไม่สนิทก็จะคิดราคาเข็มละ 200 บาท ส่วนสารอื่นๆ ที่เคยฉีดให้กลุ่มลูกค้านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลูต้า หรือฟิลเลอร์ ซึ่งหากลูกค้านำมาเอง ตนจะคิดราคาเข็มละ 700 บาท ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาให้ตนฉีด ก็จะเป็นพวกพริตตี้ทั่วไป ยังไม่เคยมีพริตตี้ชื่อดัง หรือนางแบบชื่อดังมาฉีดกับตนแต่อย่างใด
นายธนัช หรือ ป๊อป กล่าวอีกว่า สำหรับสารฟิลเลอร์นั้น ตนเคยฉีดให้ลูกค้ามาบ้างแล้ว แต่ไม่เคยมีใครเกิดอาการแพ้ อีกทั้งตนก็ฉีดที่ใบหน้าตัวเองบริเวณจมูก ร่องแก้ม และคาง แต่ก็ไม่เคยแพ้แต่อย่างใด ส่วนกรณีของคุณกระแตนั้น ตอนแรกก็ตั้งใจจะไม่ฉีดให้ เพราะกำลังเดินเล่นอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แต่เพื่อนบอกว่า คุณกระแตติดต่อมานานเป็นปีแล้ว อีกทั้งวันเกิดเหตุ คุณกระแตก็เป็นฝ่ายโทร.ตามตน ตั้งแต่ช่วง 16.00-20.00 น.หลายสายมาก ซึ่งรายละเอียดอื่นๆ ตนไม่ขอพูดมากกว่านี้ เพราะต้องให้การในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนจะไม่รับฉีดสารให้ลูกค้าแล้วแน่นอน จากนั้น นายธนัช ได้เดินทางกลับ โดยแจ้งว่า จะเดินทางมาเยี่ยมน้องกระแตอีกครั้งในช่วงก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ (24 ก.ย.) เพื่อรอพบหน้าแม่ของน้องกระแตด้วย
ด้าน นายละเมียด เขตขันฑ์ พ่อของน้องกระแต กล่าวว่า ลูกสาวเป็นกำลังหลักของครอบครัวมาตลอด ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้เป็นประจำ แม้ตนจะไม่ค่อยรบกวนลูกก็ตาม หากเกิดเรื่องฉุกเฉิน ลูกสาวก็จะรีบส่งเงินมาให้ทันที โดยตนเจอหน้าลูกสาวครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ก็มาเจอลูกสาวตอนไม่รู้สึกตัวแล้ว ตอนนี้ก็กำลังพยายามทำใจ เพราะเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ตนก็อยากให้ลูกสาวฟื้นกลับมา แม้จะหายเป็นปกติ หรือกลับมาแล้วไม่เหมือนเดิมก็ขอให้กลับมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายธนัช หรือ ป๊อป มาขอขมาแล้ว จะให้อภัยหรือไม่ นายละเมียด กล่าวว่า จะพูดว่าให้อภัยก็ได้ หรือไม่ให้อภัยก็ได้ แต่การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดตามหลักศาสนาพุทธ แต่ตนอยากให้ลองคิดกลับกันบ้าง หากฝ่ายตนเป็นคนทำให้ญาติเขากลายเป็นแบบลูกสาวตนบ้าง ฝ่ายนั้นจะให้อภัยตนหรือไม่ แต่เมื่อทำผิดแล้วยอมรับผิดชอบ ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่รู้ว่าการมาขอขมาแบบนี้ เป็นการทำเอาหน้าหรือเปล่า