เวลาจะล่วงเลยผ่านไปกว่า 2 สัปดาห์กับ 4 วันแล้ว สำหรับการเสียชีวิตของ “นายชัยพร แจ้งเกิด” อายุ 25 ปี อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และ “นายทิวากร เอี่ยมสุภา” อายุ 24 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ ที่ถูกมือปืนโหดกระหน่ำยิง กระสุนเจาะตามร่างกายเสียชีวิตทั้งคู่..!!
แต่การคลี่คลายคดีของ "พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี” ยังอึมครึม...ไม่สามารถจับมือคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ คดียังไม่มีความคืบหน้า ไม่รู้ว่า "สันหลังยาว"
หรือว่าผู้ที่ก่อเหตุมี "เส้นสายใหญ่โต" จึงเตะถ่วงเวลาผ่านไปวันๆ จนทำให้ "พ่อเหยื่อกระสุน" เกรงเป็นมวยล้มจึงร้องผ่านมายัง "กองบรรณาธิการข่าวอาชญากรรม" ASTV.ผู้จัดการรายวัน
เพื่อถ่ายทอดข้อความให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและ" สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ได้รับรู้ในการทำงานของ “ตำรวจเมืองนนทบุรี” ซึ่งเป็น” ผู้ใต้บังคับบัญชา” ว่ามันเกิดอะไรขึ้น..?? ในการคลี่คลายคดีถึงได้มีความล่าช้า มันมีอะไรซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่า..?? มันมีการหมกเม็ดอะไรในพื้นที่หรือไม่??!!
ส่วนปฐมเหตุของเรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไร.?คงต้องย้อนกลับไปดูในวันเกิดเหตุ เวลา 05.00 น. ของวันที่ 26 ส.ค.55 ที่บริเวณ สถานบันเทิงชื่อ JUNO ผับ ตั้งอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานบันเทิงในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ที่หมู่วัยรุ่นวัยคะนองและ นักเรียน นักศึกษา รู้จักกันดีว่าเป็นสถานบันเทิง “เปิดถึงเช้า” จนฟ้าแจ้ง ชาวเมืองนนท์ละแวกใกล้เคียงเห็นกันเป็นประจำกับภาพที่ขัดศีลธรรมจรรยาของชาวพุทธที่มีนักท่องเที่ยวทยอยออกมาในขณะที่พระเดินบิณฑบาตผ่านมา บางรายชายหญิงอยู่ในอาการมึนเมาสุราจนไม่สามารถประคองร่างกายได้ “อ๊วก!แตก ต่อหน้าพระสงฆ์องค์เจ้า” ก็มี ! “กอดรัดฟัดเหวี่ยงจนแทบจะสมสู่กัน” ก็มี!
เมื่อพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เป็นพื้นที่โปร่งเช่นนี้ ผู้ประกอบการสถานบริการต่าง ๆ อาทิ ผับ บาร์ อาบอดนวด ก็เข้ามาลงทุน เปิดกิจการขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ถือว่าพื้นที่ “เคลียร์ได้เปิดถึงเช้าได้” และเป็นที่ทราบดีของบรรดานักเที่ยวตระเวนราตรีที่มาใช้บริการต่อจากที่อื่นที่มีการปิดตามกฎหมายเป็นจำนวนมาก.. โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่าบริเวณหน้า “จูโน่ผับ” แห่งนี้จักกลายเป็นสุสานของ “หนุ่มกู้ภัย”กับ “โชเฟอร์ขับรถแท็กซี่” ที่ดวงกุดต้องมาเสียชีวิตในสถานที่อโคจรเช่นนี้้
ย้อนรอยคดีวันเกิดเหตุ
เมื่อฟ้าเริ่มสาง นักเที่ยวกำลังทยอยออกนอกผับ เสียงทูตมรณะขนาด 9 มม.ก็ดังขึ้นสนั่นหน้าผับ ปั้ง..ปั้ง..ปั้ง..ปั้ง..คมกระสุนพุ่งเจาะเข้าโหนกแก้ม ลำคอด้านซ้าย และที่ใต้ราวนมด้านซ้ายของ “นายชัยพร”ที่นั่งอยู่ประตูด้านหน้าซ้ายรถแท็กซี่สีแดง หมายเลขทะเบียน ทว 9774 กรุงเทพมหานคร เลือดสดๆไหลออกมานองเต็มเบาะนั่ง กระเด็นแดงฉานไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้ที่เห็นเหตุการณ์
ขณะที่ “นายทิวากร”คนขับแท็กซี่ถูกลูกหลงกระสุนเจอเข้าราวนมซ้าย พลเมืองดีช่วยกันนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย ส่ง รพ.พระนั่งเกล้าแต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตในที่สุด อีกไม่นาน “พ.ต.ท.มนัส นิลกลัด” พงส.(สบ.2)เจ้าของคดีได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับ พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี
“คดีป่าเถื่อนเมืองนนท์”ครั้งนี้ ถือว่าเป็น “ข่าวใหญ่”เป็นคดีสะเทือนขวัญ มือปืนยิงคนตาย 2ศพ หน้าผับ ที่เปิดเกินเวลาด้วย.. แต่แปลกพิลึก! รุ่งขึ้นสื่อฯ มีการเสนอข่าวเพียงบางฉบับ และเมื่อนักข่าวติดตามความคืบหน้าทางคดีกับ “ตำรวจ” ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร?!
วันที่เกิดเหตุนักข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง หรือ “โอ๋สืบ 6” ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เพื่อสอบถามรายละเอียดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถพูดคุยได้ เนื่องนายเวรรับสายโทรศัพท์และบอกว่าผู้การฯกำลังเข้าประชุมอยู่อย่างไม่มีกำหนดเวลาว่าออกมาตอนไหน โดยนายเวรได้แนะนำให้โทรศัพท์ไปคุยเรื่องคดีกับ พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี แต่เมื่อโทรศัพท์ไปถาม ผกก.โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ตลอด
วันต่อมานักข่าวก็พยายามโทรศัพท์ไปสอบถามอีกทั้ง “ผบก.ภ.จว.นนทบุรี-ผกก.สภ.นนทบุรี”ก็เหมือนเดิมคือติดต่อไม่ได้หุบปากเงียบสนิททั้งคู่...มีเพียง “พ.ต.ท.มนัส”เจ้าของคดีบอกว่าได้สอบปากคำพยานแวดล้อม และมีการออกหมายจับผู้ก่อเหตุแล้ว...แต่ “ทีมข่าวอาชญากรรม”สอบถามกลับว่า ชื่อ นามสกุล คนร้ายที่อ้างว่าออกหมายจับแล้ว ชื่ออะไร นามสกุลอะไร
“เจ้าของคดี”ตอบว่าบอกไม่ได้มันเสียรูปคดีคนร้ายจะไหวตัวทัน..ฟังแล้วทะแม่ง..!! พอเจาะคำถามเดิมเข้าไปอีก “พ.ต.ท.มนัส”ทำกิริยาฉุนเฉียวแสดงความไม่พอใจ พูดเสียงแข็งบอกให้ไปถาม “ผู้บังคับบัญชา”เอาเองก่อนกดโทรศัพท์ทิ้งอย่างไร้มารยาทสิ้นดี..!!
การแสดงพฤติกรรมของ “ตำรวจนนทบุรี” เกี่ยวกับเรื่องคดี เหมือนไม่เอาใจใส่ คอยปกปิดข้อมูลสื่อฯ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายมันคงปิดกันไม่มิดหรอก ท่านลืมไปหรือเปล่าว่า “ไม่มีความลับในโลกใบนี้”..เพราะพื้นจังหวัดนนทบุรีมันอยู่ติดกับกรุงเทพฯแค่ปลายจมูก..ใครทำอะไร.? เขารู้กันหมด..
การทำคดีของ 2 เหยื่อผู้เสียชีวิตยังไม่มีความคืบหน้าจับมือปืนยังไม่ได้..!! นายพิสันต์ แจ้งเกิด อายุ 60 ปี บิดาของนายชัยพร(ผู้เสียชีวิต) ก็ได้แต่ภาวนา ขอให้ทางตำรวจเร่งรัดจัดการกับคนร้ายที่ก่อเหตุลงมือยิงลูกชายตนให้ได้ จะได้ตอบคำถามหลานซึ่งเป็นลูกของนายชัยพรได้ว่าใครฆ่าพ่อเขาครับ..!!
ส่วน นางกุลวดี แก้วสุวรรณ อายุ 50 ปี มารดาของนายทิวากร คนขับแท็กซี่เหยื่อกระสุน ความรู้สึกก็ไม่แตกต่างกัน ได้แต่ภาวนา ใครที่กระทำความโหดร้ายกับลูกชายก็ขอให้รับกรรมไป ขอให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วๆ
นี่คือความรู้สึกท้อแท้ในกระบวนการยุติธรรมของพ่อแม่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย คงไม่มีอะไรนอกจากคำพูดที่ออกมาจากใจ “ขอให้คุณตำรวจช่วยจับมือปืนให้ได้”… แต่คดีล่วงเลยผ่านมาเกือบเดือนแล้ว จนศพทั้งสองเผาไหม้กลายเป็นธุลีแล้ว คดียังไม่มีวี่แววความคืบหน้าแต่อย่างใด
ทั้งที่คดีนี้มันเกิดเหตุหน้าผับ..มีนักเที่ยวเยอะ ตำรวจน่าจะติดตามจับกุมคนร้ายไม่ยาก เพราะเกิดเรื่องขึ้นมาแค่ 2 วัน ก็ยังบอกว่าออกหมายจับมือยิงแล้ว แต่เหตุไฉน จนป่านนี้“มือปืนยังลอยนวลอยู่” มันมีอะไรในกอไผ่เมืองนนท์หรือเปล่า
นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี บอกว่าจะออกมาปราบปรามสิ่งอบายมุข สถานบันเทิงอิทธิพลที่เปิดเกินเวลา รวมถึงธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ ซึ่งสวนทางกับข้อมูลที่สื่อมวลชนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า “พื้นที่จังหวัดนนทบุรีมีธุรกิจผิดกฎหมายอยู่มากมาย”
ขณะที่ “นายฐานิสร์ เทียนทอง”รมช.มหาดไทย รับปากว่าจะลงพื้นที่ตรวจดูความไม่ชอบมาพากลในพื้นที่ “จังหวัดนนทบุรี” เกี่ยวกับแหล่งอบายมุข ตู้ม้าไฟฟ้า บ่อนการพนัน และสถานบันเทิงที่เปิดเกินเวลาตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องมีการลงโทษ เพราะถือว่าเป็น นโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ...นับแต่วันนั้นยังวันนี้ ผู้การฯนนทบุรี หรือ“โอ๋ สืบ 6” หัวหน้าตำรวจนนทบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองยังเงียบกริบ!!! ผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ลงไปตรวจสอบความทุกข์ชาวบ้านสักหน่อยหรือ...
หรือต้องให้ถึงมือคนชื่อ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ออกมาแฉ “ความไม่ชอบมาพากลในเมืองนนท์” เสียงมันถึงจะดังไปทั้งประเทศ!!!
จักรนารายณ์.
