ตำรวจ 191 เปิดโครงการ “แท็กซี่จิตอาสา ร่วมแจ้งภัย 191” รุ่นที่ 1 จำนวน 200 คน เพื่อให้โชเฟอร์แท็กซี่ร่วมเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ในการแจ้งเหตุและเบาะแสของคนร้าย
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.สายตรวจ 191 พ.ต.ท.ศิรเมศร์ เมธีธนวิจิตร์ สว.งานสายตรวจ 1 และสถานีวิทยุจราจรเพื่อสังคม เอฟเอ็ม 99.5 ร่วมกันเปิดโครงการ “แท็กซี่จิตอาสา ร่วมแจ้งภัย 191” รุ่นที่ 1 เพื่อให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่เข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเหตุและเบาะแสของคนร้าย โดยมีผู้ขับขี่รถแท็กซี่จำนวน 200 คนเข้าร่วมรับฟังการอบรม
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมมีแนวโน้มสูงขึ้น กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกปฏิบัติหน้าที่ก็มีไม่เพียงพอที่จะดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.จึงมีนโยบายที่จะแสวงหาแนวร่วมจากประชาชนทุกภาคส่วน ในการช่วยแจ้งเหตุและเบาะแสของคนร้าย ทางตำรวจเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ต้องทำงานอยู่บนท้อง ถนนตลอด 24 ชั่วโมงสลับกันไป แต่ขณะเดียวกันอาชีพขับรถแท็กซี่ก็เป็นอาชีพที่เสี่ยงเช่นกัน จึงได้มีการจัดอบรมในครั้งนี้ก็เพื่อให้คนขับแท็กซี่มีความรู้ในการสังเกต จดจำ รูปพรรณสัณฐานของคนร้าย ทะเบียนรถ เส้นทางการหลบหนี เป็นต้น โดยจะให้คนขับแท็กซี่เป็นผู้แจ้งเหตุที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ต้องเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่จับกุมคนร้าย ตำรวจจะเป็นคนเข้าไปจับเองเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้
ด้าน พ.ต.อ.ทิวากล่าวว่า ลักษณะการประสานงานของคนขับรถแท็กซี่กับศูนย์วิทยุของ 191 ก็คือ เมื่อผู้ขับขี่แท็กซี่ขับรถผ่านไปพบเหตุหรือได้รับการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม จะแจ้งไปที่ศูนย์จักรพล (ศูนย์ 191) ที่ใช้ในการประสานงานกับผู้ขับขี่แท็กซี่ที่มีวิทยุประจำรถและได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยรถแท็กซี่จะแจ้งเข้าไปที่ศูนย์แท็กซี่ซึ่งมีอยู่จำนวน 12 ศูนย์ จากนั้นศูนย์แท็กซี่ก็จะแจ้งเข้ามาที่ศูนย์วิทยุ 191 ซึ่งเป็นการแจ้งเหตุแบบทันทีทันใดเพื่อนำไปสู่การจับกุม โดยเน้นให้คนขับจดจำรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย และแจ้งเส้นทางการหลบหนี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191ได้จำลองสถานการณ์ขึ้นเพื่อให้สื่อมวลชนได้รับทราบถึงการปฏิบัติหน้าที่ โดยการให้คนร้ายขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการเห็นแล้วแจ้งเบาะแสผ่านไปยังศูนย์วิทยุเพื่อเป็นข้อมูลให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการสกัดจับคนร้าย โดยคนขับรถแท็กซี่จะแจ้งข้อมูลหมายเลขทะเบียนรถยนต์ของคนร้าย และรูปพรรณสัณฐานเบื้องต้น จนตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะมีการอบรม รุ่นละ 200 คน อย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นจะอบรมรุ่นละ 200 คน จำนวน 3 รุ่นก่อน ส่วนการคัดเลือกแท็กซี่เข้ามาจิตอาสาในการแจ้งเหตุจะมีการพิสูจน์บุคคล มีการทำประวัติ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ สถานที่ติดต่อ เมื่อเกิดเหตุจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ จะทำให้รู้ว่าแท็กซี่คันนี้ ผู้ขับขี่เป็นใครอยู่ที่ไหน ส่วนข้อเป็นห่วงว่าคนร้ายที่เป็นแท็กซี่จะรู้รหัสวิทยุ หรือได้ยินทางวิทยุสื่อสารนั้น ทางศูนย์จะมีขั้นตอนในการป้องกันอยู่แล้ว ยืนยันว่าคนร้ายจะไม่สามารถดักฟังวิทยุตำรวจได้อย่างแน่นอน
