หนุ่มใหญ่เมืองปากน้ำร้องกองปราบฯ หลังภรรยาที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าไปเที่ยวฟาร์มจระเข้สมุทรปราการแล้วหายตัวไป อ้างพนักงานของฟาร์มจระเข้ที่สนิทกันบอกว่าภรรยาตกลงไปในบ่อก่อนถูกจระเข้กิน เผยฟาร์มจระเข้ติดต่อมาเคลียร์ค่าเสียหายแต่ตนไม่ต้องการเงิน ต้องการรู้ความจริงเพื่อเชิญวิญญาณกลับบ้าน
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. นายเสน่ห์ จิตศรัทธา อายุ 55 ปี พนักงานบริษัท อิตาเลียน-ไทย ดีเวลลอ๊ปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อยู่บ้านเลขที่ 465/4 หมู่ 4 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วยนายถวัลย์ แย้มพรายภิรมย์ อายุ 69 ปี อยู่เลขที่ 72 หมู่ 4 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นสามีและบิดาของนางทิพวรรณ จิตศรัทธา อายุ 36 ปี เข้าพบ พ.ต.ท.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) กก.2 บก.ป.เพื่อขอให้ตำรวจติดตามคดีที่นางทิพวรรณหายตัวไปจากบ้านพัก โดยเชื่อว่าตกบ่อฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยนำภาพถ่ายนางทิพวรรณพร้อมกับสำเนาบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้ประกอบการสืบสวนสอบสวน
นายเสน่ห์ให้การว่า ตนและนางทิพวรรณอยู่กินกันมานานจนมีลูกสาวส 2 คน คนโตอายุ 8 ขวบ คนเล็กอายุ 1 ขวบ โดยเมื่อช่วงเช้าวันเกิดเหตุตนได้พานางทิพวรรณ ภรรยาไปพบแพทย์ที่คลินิกใกล้กับบ้านพัก จากนั้นภรรยาได้ขอไปกินก๋วยเตี๋ยว กระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น.ภรรยาได้ไปเที่ยวต่อที่ฟาร์มจระเข้ดังกล่าว ส่วนตนก็ได้ไปทำงาน เมื่อใกล้ค่ำเลิกงานตนก็ได้กลับมาที่บ้านแต่ไม่เจอภรรยา ตนเห็นผิดสังเกตจึงได้ออกตามหาพร้อมกับแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิให้ช่วยกันออกตามหาอีกแรงแต่ก็ไม่พบตัว ต่อมาตนได้ยินคนในหมู่บ้านเดียวกันซึ่งทำงานอยู่ที่ฟาร์มจระเข้พูดว่า “วันนี้มีคนตกลงไปในบ่อจระเข้และถูกจระเข้กิน” เมื่อได้สอบถามรูปพรรณสัณฐานก็ตรงกับภรรยาตน เพราะเขาบอกว่าเห็นนิ้วชี้มีผ้าพันแผลพันไว้เหมือนชูมือขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือ
นายเสน่ห์กล่าวต่อว่า เมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวในวันรุ่งขึ้นตนจึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้พาตนไปที่ฟาร์มจระเข้ดังกล่าวเพื่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลฟาร์มแห่งนี้ แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นว่ามีคนตกบ่อฟาร์มจระเข้แต่อย่างใด จากนั้นทางตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นภรรยาตนใส่เสื้อสีเขียว กางเกงขาสั้น รองเท้าสีขาว เดินเข้าไปในฟาร์มดังกล่าวในวันเกิดเหตุ ต่อมาทางเจ้าของฟาร์มจระเข้ได้ส่งคนมาเจรจาเพื่อขอเคลียร์กับตนว่าจะเรียกร้องเงินจำนวนเท่าใด ซึ่งตนไม่อยากได้ แต่ต้องการรู้ข้อเท็จจริงแน่ชัดว่าภรรยาเสียชีวิตโดยตกบ่อจระเข้จริงหรือไม่ เพื่อจะทำพิธีเชิญวิญญาณกลับบ้านต่อไป
“ผมถามพนักงานของฟาร์มจระเข้ที่สนิทกัน ที่รู้ว่าภรรยาได้ปีนรั้วกั้นบ่อจระเข้ แล้วกระโดดลงไปให้จระเข้กิน แต่เมื่อจะขอให้เขาเป็นพยานเขากลับปฏิเสธเพราะกลัวกระทบต่องาน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ภรรยามีอาการซึมเศร้า และต้องรับยาจากโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ก่อนเกิดเหตุยังได้นำทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 50 สตางค์ไปฝากไว้ที่ร้านขายของชำ เพื่อมอบให้ผมเหมือนจะเป็นการลา กระทั่งมาทราบว่ากระโดดบ่อดังกล่าว ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุญาติๆ ฝันเห็นวิญญาณของภรรยามายืนร้องไห้บอกให้ช่วยเหลือด้วย ซึ่งผมไม่ได้ติดใจเอาความใคร หรืออยากเรียกร้องอะไร ขอเพียงทางฟาร์มอนุญาตให้ผมได้เชิญวิญญาณภรรยาตนมาทำพิธีเท่านั้น ไม่ได้คิดฟ้องร้องเอาเรื่องกับเจ้าของฟาร์มแต่อย่างใด” นายเสน่ห์กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.มิ่งมนตรีกล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ในเบื้องต้น ก่อนจะรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นต่อไป