ย้ายนายพลก๊อกสอง เรียบร้อยโรงเรียนเหลิม

ตรงเป้า
ศรรามา

ถึงนาทีนี้ เห็นกันชัดแจ้งแล้ว รัฐบาลนางสาวลูกหนึ่ง ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่ละอายผีสางเทวดา ไม่วิตกทุกข์ร้อนกับเสียงครหา ก่นด่าทั่วทุกสารทิศ

ไม่อย่างนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ที่นั่งถ่างขาควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ออกมาประจานรัฐบาล ประจานตัวเอง ว่าตัวเลขที่ประมาณการส่งออกจะสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์นั้น

เป็นคำพูด “โกหกสีขาว” ซึ่งได้รับอนุญาตให้ “ลวงโลก” ได้ ซึ่งไม่รู้ใครเป็นคนอนุญาต

เห็นไหมว่า รัฐบาลคำนึงถึงภาพลักษณ์ของประเทศชาติแค่ไหน ยางพาราราคาดิ่งเหว ก็อ้างเป็นฝีมือนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม รัฐบาลชุดที่แล้วประกันราคาพืชผล รัฐบาลชุดนี้จะสานต่อก็เกรงว่า จะเสียยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” หันไปหยิบของเก่า “จำนำข้าว” มาปัดฝุ่น แล้วก็รวมหัวกันโกงทุกรูปแบบ ประสานสามัคคีบริโภค ระหว่างเอกชนกับคนของรัฐ...

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการทหารไทย สั่งย้าย 3 พลเอกสังกัดกลาโหม ไปช่วยราชการสำนักงานรัฐมนตรี

สาเหตุหลักมาจาก “ยอมหักไม่ยอมงอ” ไม่ยอมให้มือการเมืองเข้ามาล้วงไข่ ส่วนพลเอกอีกคนที่วิ่งแจ้นไปขอขมารัฐมนตรีนั้น เจ้าตัวคงได้ยินเสียงถ่มถุยจากสังคมเต็มสองรูหู หรือนี่เป็นอิทธิพลจากเพลง “ช่างแม่มัน” ที่ “ทักษิณ” ไปแหกปากที่เขมร

ข้าราชการคนไหนจะย้าย จะเลื่อนตำแหน่ง ต้องให้คนของรัฐบาลหรือแกนนำเสื้อแดง พาไปให้ “ทักษิณ” เสียก่อน

บ้านเมืองมันวิปริตผิดเพี้ยนกันใหญ่ประชุม ก.ตร.ย้ายนายพลตำรวจระลอกสอง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2555 น่าสงสารกรรมการโดยตำแหน่ง 11 คน หลังจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการจากการเลือกตั้ง สะบัดก้นวอล์คเอาท์จากห้องประชุม ประท้วงความไม่ชอบธรรมในการแต่งตั้ง

กรรมการ 11 คน นั่งเป็นหุ่นยนต์ มีหน้าที่ยกมือตามโผที่ผู้บังคับการกองทะเบียนพล อ่านให้ที่ประชุมฟัง ไม่มีเสียงคัดค้าน สร้างความพอใจให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่นั่งเท่ห์อยู่หัวโต๊ะอย่างยิ่ง พอ ก.ตร.หุ่นยนต์ยกมือพรึ่บ ร.ต.อ.เฉลิมก็มีหน้าที่พูดคำเดียว “ผ่าน”

เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมาย ร.ต.อ.เฉลิมก็ตีหน้าตายให้สัมภาษณ์สื่อ ว่าเป็นการแต่งตั้งที่เรียบร้อยดี ถูกต้องชอบธรรมและสง่างาม ไม่มีปัญหาอะไร

ร.ต.อ.เฉลิมไม่สนใจกับกรรมการที่วอล์คเอาท์ แถมยังดูถูกดูแคลนว่านายพลพวกนั้น เหมือนไม้ที่ผลัดใบไปแล้ว ต้องฟังเสียงคนที่อยู่ในห้องประชุมเป็นหลัก ทำไมไม่รอฟังคำชี้แจงจากผู้บัญชาการหน่วยงาน แถมยังคุยคำโตอย่างมั่นใจ เป็นสัญญาต่อประชาคมว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่มีเรื่องซื้อขายเก้าอี้ ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช กับกรรมการที่วอล์คเอาท์ เขาต้องการคำตอบอยู่ 4 - 5 เรื่องพล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม ผู้การชุมพร เลื่อนเป็นรองผู้บัญชาการภาค 8 แต่พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้การนครศรีธรรมราช อาวุโสกว่ามีผลงานโดดเด่น กลับไม่ได้รับการพิจารณาเช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รองผู้การภูเก็ต ขึ้นเป็นผู้การพังงา ขณะที่ พ.ต.อ.ดาวลอย เหมือนเดช รองผู้การสืบสวนภาค 8 รับประทานแห้วและเช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ธิติพงษ์ เศรษฐีสมบัติ รองผู้การศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 ขึ้นเป็นผู้การศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 ส่วน พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผู้การศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 เหนือชั้นกว่ากลับไม่ได้ขึ้น พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รองผู้การสุพรรณบุรี เลื่อนเป็นผู้การที่เดิม ไม่มีรายละเอียดว่า สร้างผลงานดีเด่นอะไรไว้บ้าง

แต่ ร.ต.อ.เฉลิมกลับชี้แจงกรณี พ.ต.อ.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้การนครบาล 7 ที่เพิ่งย้ายจากรองผู้การสุพรรณบุรีมาหมาดๆ ได้เป็นผู้การประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่นายตำรวจติดตามนายกรัฐมนตรีว่า ผ่านการพิจารณาจาก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แล้ว แม้จะอาวุโสไม่ถึงขั้นก็ตาม

ก็นี่ไง เรียบร้อยโรงเรียนเหลิมไปแล้ว ใครจะว่าอย่างไร ก็......ช่างแม่มัน.