xs
xsm
sm
md
lg

อัยการนำพยานเบิกความยืนยันทหารยิง 6 ศพหน้าวัดปทุมฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

คืบหน้าคดียิง 6 ศพหน้าวัดปทุมวนาราม แยกราชประสงค์ อัยการนำตัวพยานขึ้นเบิกความยืนยัน “ไอ้โม่ง” แต่งกายคล้ายทหารอยู่บนรางรถไฟบีทีเอสหน้าวัด กำลังจ่อปืนยิงกราดลงมาภายในวัดปทุมฯ ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไป 30 สิงหาคม

ที่ห้องพิจารณา 402 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง วันนี้ (23 ส.ค.) ศาลได้ไต่สวนคำร้องชันสูตรการเสียชีวิตคดีหมายเลขดำ ที่ ช.5/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของนายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้เสียชีวิตที่ 1 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เสียชีวิตที่ 2 นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้เสียชีวิตที่ 3 นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้เสียชีวิตที่ 4 น.ส.กมนเกด ฮัคอาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้เสียชีวิตที่ 5 และนายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้าง ผู้เสียชีวิตที่ 6 ซึ่งทั้ง 6 ศพถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม แยกราชประสงค์ ในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

โดยวันนี้อัยการนำตัวนายอุดร สุวรรณสิงห์ ประจักษ์พยานขึ้นเบิกความสรุปว่า ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ เมื่อมีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงจึงเดินทางมาเข้าร่วม โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2553 ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารกำลังปฏิบัติการกระชับพื้นที่บริเวณถนนราชดำริของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. พยานซึ่งกำลังหลับพักผ่อนอยู่แถวนั้นได้เข้าไปช่วยกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ พยานก็ร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.เรื่อยมา กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น.เศษของวันที่ 19 พฤษภาคม แกนนำ นปช.ได้ประกาศยุติการชุมนุมและให้ผู้ชุมนุมเปลี่ยนจากเสื้อแดงสวมเสื้อหลากสีแทน พยานจึงนำเสื้อสีดำมาสวมและเดินออกมาและปืนกำแพงเข้าไปที่โรงพยาบาลตำรวจ และขณะที่จะเดินออกจากโรงพยาบาลตำรวจเพื่อข้ามมาหลบภัยที่วัดปทุมฯ ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งตะโกนบอกว่าไม่ต้องข้ามมา ขณะเดียวกันก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 ชุดมาจากแยกเฉลิมเผ่า พยานจึงก้มลงหลบ เมื่อเงยหน้ามองออกไปเห็นนายมงคล ผู้เสียชีวิตที่ 3 และนายรพ ผู้เสียชีวิตที่ 4 ถูกยิงเสียชีวิตอยู่หน้าวัด จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นครั้งที่ 2 อีก 1 ชุด เมื่อมองเข้าไปในวัดเห็น น.ส.กมนเกดถูกยิงล้มลง เข้าใจว่าถูกทหารยิงเพราะผู้ยิงสวมชุดลายพรางทหาร

ต่อมาพนักงานอัยการนำนางศันษณีย์ โมจิซึ ประจักษ์พยานขึ้นเบิกความสรุปว่า ตนเป็นแม่ค้าขายน้ำดื่มในที่ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. 2553 กระทั่งใกล้วันเกิดเหตุตนเลิกขายน้ำและเข้าไปร่วมชุมนุมโดยพักอยู่บริเวณหน้าเวทีปราศรัย จนเที่ยงวันที่ 19 พ.ค. แกนนำ นปช.ได้ประกาศยุติการชุมนุมและให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้าไปหลบที่วัดปทุมวนาราม เนื่องจากมีการประกาศให้เป็นเขตอภัยทาน ระหว่างนั้นตนได้ยืนเสียงปืนดังขึ้นด้านหลังเวทีชุมนุม 1 นัด จากนั้นตนได้เดินทางเข้าไปในวัดปทุมวนาราม และเข้าไปหลบอยู่ในเต็นท์ปฐมพยาบาลหน้าวัดและได้พบกับนายอัครเดชกำลังช่วยปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บอยู่ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนและมีคนตะโกนบอกว่ามีผู้เสียชีวิตหน้าวัด กลุ่มผู้ชุมนุมจึงนำตัวชายคนดังกล่าวเข้ามาในวัด ตนเห็นว่ามีบาดแผลถูกยิงที่หน้าอกด้านซ้าย จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เสียชีวิต ต่อมาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 ชุด ตนได้หลบไปอยู่ด้านข้างรถกระบะซึ่งอยู่ด้านข้างเต็นท์พยาบาล ส่วน น.ส.กมนเกด ผู้เสียชีวิตที่ 5 และนายอัครเดช ผู้เสียชีวิตที่ 6 หลบอยู่ใต้โต๊ะพยาบาลในเต็นท์ระหว่างนั้นเห็น น.ส.กมนเกดพยายาม จะคลานมาหลบกับพวกตนได้เห็นแขนข้างซ้ายของ น.ส.กมนเกด มีเลือดไหล เข้าใจว่าถูกยิง พยานจึงนำกล้องถ่ายรูปมาถ่ายบันทึกภาพเหตุการณ์ ต่อมานายอัครเดชก็ถูกยิงอีกคนหนึ่งและได้เรียกร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเพราะขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะ โดยเสียงดังมาจากรางรถไฟฟ้าหน้าวัด ซึ่งพยานเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นเจ้าหน้าที่ทหารสวมชุดลายพรางและหมวกกำลังเล็งปืนยิงใส่มาภายในวัดอย่างชัดเจนเนื่องจากเป็นเวลากลางวัน หลังสิ้นเสียงปืนพยานออกมาจากที่หลบซ่อน พบชายไม่ทราบชื่อถูกยิงเสียชีวิตอีกศพ โดยที่พยานทราบมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด 4 ศพ จึงหลบอยู่ในวัดจนกระทั่งเช้า ต่อมาทราบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ศพ และมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

ต่อมาในตอนเช้ามีการประกาศให้ผู้ชุมนุมที่ต้องการเดินทางกลับบ้านให้เข้าแถวชาย 1 หญิง 1 เพื่อพาไปขึ้นรถออกจากที่ชุมนุม แต่พยานไม่ไปและอยู่เฝ้าศพต่อกระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 20 พฤษภาคม มีเจ้าหน้าที่มาตรวจพิสูจน์ศพทราบชื่อคือ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และทีมงานมาชันสูตรศพพบหัวกระสุนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน พยานเห็นว่ามีการชันสูตรศพแล้วจึงเดินออกจากที่ชุมนุมเพื่อกลับบ้าน

นางศันษนีย์ตอบคำถามทนายความว่า ผู้เข้าร่วมชุมนุมทุกคนจะถูกเจ้าหน้าที่ทหารตรวจค้นตัวและยานพาหนะอย่างละเอียด ซึ่งภายในที่ชุมนุมมีคนสวมเสื้อหลากสี โดยมีเสื้อขาวและดำ บางส่วนเป็นจำนวนน้อย แต่ชายที่ใส่ชุดดำไม่ได้มีอาวุธติดตัว และผู้ชุมนุมที่หลบอยู่ภายในวัดไม่มีใครยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ทหารแต่อย่างใด

ภายหลังศาลไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้วในวันนี้ จึงนัดไต่สวนพยานครั้งต่อไปวันที่ 30 สิงหาคม เวลา 09.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น