ตรงเป้า
ศรรามา
เหลือเวลาเพียงเดือนครึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว นรต.รุ่น 29 ผู้หลงใหลชีวิตตำรวจตระเวนชายแดนก็จะเข้าคุมบังเหียนตำรวจทั้งประเทศ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14
ระหว่างนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ก็จัดทำโผแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการหน่วยงานและผู้บังคับการ ซึ่งจะออกเป็นคำสั่งได้ในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นถึงขั้นตอนการวางตัวขุนพลรับผิดชอบภารกิจต่าง ๆ ของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทีปรึกษา สบ.10 และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ของเดิมนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ แบ่งงานเป็น 4 ส่วน
ฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม (ปป.) ฝ่ายบริหาร (บร.) ฝ่ายกฏหมาย (กม.)และฝ่ายความมั่นคง (มค.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตรับผิดชอบงาน ปป.1 พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราช กิจรับผิดชอบงาน ปป.2 พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รับผิดชอบ ปป.3 พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รับผิดชอบ ปป.4
ส่วน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เนื่องจากต้องไปรับตำแหน่งเลชาธิการ ป.ป.ส. จึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ศชต. และ ศปก.ตร.ส่วนหน้าเท่านั้นงานบริหาร พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญรับเหมาไปทั้งหมด เช่นเดียวกับงานกฏหมาย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์รับเหมาเช่นกัน
ส่วนงานความมั่นคง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไม่ได้ให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใดแต่มอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 รับผิดชอบ ปีนี้ถ้า พล.ต.อ.อดุลย์ยังแบ่งสายงานเหมือนเดิม คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
พล.ต.อ.ปานศิริ ปป.1 พล.ต.อ.วัชรพล ปป.2 พล.ต.อ.สุวัฒน์ ปป.3 (แทนพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ที่เกษียณอายุ) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ปป.4 พล.ต.อ.พงศพัศ บร. พล.ต.อ.เอก มค. และ พล.ต.อ.วรพงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ มค. เก้าอี้ตัวเดิมทั้ง 3 นาย
แต่ถ้า พล.ต.อ.ปานศิริได้รับการปลอบใจจากรัฐบาล ให้ไปดำรงตำแหน่งนอกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องเลื่อน พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา สบ.10 ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร
เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า พล.ต.อ.อดุลย์ นั้นครบเครื่องทั้งเรื่องบู๊และบุ๋น ไม่มีประวัติด่างพร้อย จึงเป็นที่ยอมรับของสังคมและตำรวจทั่วประเทศ
พล.ต.อ.อดุลย์ก็รู้ดีว่า สังคมฝากความหวังไว้กับตัวแม่ทัพตำรวจคนใหม่เพียงใด และจะทำอย่างไร ไม่ให้สังคมผิดหวังความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งมีตำรวจโรงพักเป็นหลัก
เป็นหัวใจห้องหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกทุกด้านให้ประชาชนอย่างเสมอภาค อีกสองห้องหัวใจ อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังตับบัญชาจะต้องเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง รองลงไปเป็นเรื่องของสวัสดิการ อาวุธยุทโธปกรณ์ ความยุติธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองสารวัตรและสารวัตรสู้รบกับผู้ก่อการร้ายในภาคอีสาน พล.ต.อ.อดุลย์ แสดงความเป็นผู้นำเป็นนักรบอย่างชัดเจน
เมื่อดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจจราจร พล.ต.อ.อดุลย์ก็แสดงความสามารถในด้านการบริหาร กำจัดจราจรพันธุ์ชั่วออกไปจากองค์กรไม่น้อย โดย พล.ต.อ.อดุลย์จะนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ลูกน้องสวมเสื้อแจ็คเก็ต สวมหมวกกันน็อกตะครุบลูกน้องเลวได้หลายคน
ตำรวจจราจรยุคนั้นอยู่เย็นเป็นสุขเพราะ พล.ต.อ.อดุลย์ จัดหาสวัสดิการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว ให้มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงแก่อัตถาพ ไม่อดอยากถึงกับต้องไปรีดไถสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน
งานชิ้นแรกของ พล.ต.อ.อดุลย์นั้น จะชำระล้างตำรวจทุกคนให้สะอาดปัดกวาดบ้านเรือนของตัวเองให้งามตา ก่อนจะไปรับใช้ประชาชนตำรวจที่ทำงานใกล้ชิดสัมผัสกับประชาชนตำรวจภูธรนครบาลสอบสวนกลางเป็นหน่วยงานนำร่อง
พล.ต.อ.อดุลย์จะกำจัดตำรวจ “คอตก - หญ้ารก” ออกจากหน่วยงานเหล่านี้
“คอตก” คือทำงานเฉื่อยชา ไม่มีความมุ่งมั่นขยันขันแข็งในหน้าที่ และถ้าสถานที่ทำงานสกปรก ปล่อยให้ต้นหญ้าขึ้นรกรุงรังแบบ “หญ้ารก” ทั้งคอตกและหญ้ารก ต้องเก็บเข้ากรุ ไม่ให้รกสังคม.
ศรรามา
เหลือเวลาเพียงเดือนครึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว นรต.รุ่น 29 ผู้หลงใหลชีวิตตำรวจตระเวนชายแดนก็จะเข้าคุมบังเหียนตำรวจทั้งประเทศ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14
ระหว่างนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ก็จัดทำโผแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการหน่วยงานและผู้บังคับการ ซึ่งจะออกเป็นคำสั่งได้ในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นถึงขั้นตอนการวางตัวขุนพลรับผิดชอบภารกิจต่าง ๆ ของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทีปรึกษา สบ.10 และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ของเดิมนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ แบ่งงานเป็น 4 ส่วน
ฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม (ปป.) ฝ่ายบริหาร (บร.) ฝ่ายกฏหมาย (กม.)และฝ่ายความมั่นคง (มค.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตรับผิดชอบงาน ปป.1 พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราช กิจรับผิดชอบงาน ปป.2 พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รับผิดชอบ ปป.3 พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รับผิดชอบ ปป.4
ส่วน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เนื่องจากต้องไปรับตำแหน่งเลชาธิการ ป.ป.ส. จึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ศชต. และ ศปก.ตร.ส่วนหน้าเท่านั้นงานบริหาร พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญรับเหมาไปทั้งหมด เช่นเดียวกับงานกฏหมาย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์รับเหมาเช่นกัน
ส่วนงานความมั่นคง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไม่ได้ให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใดแต่มอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 รับผิดชอบ ปีนี้ถ้า พล.ต.อ.อดุลย์ยังแบ่งสายงานเหมือนเดิม คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
พล.ต.อ.ปานศิริ ปป.1 พล.ต.อ.วัชรพล ปป.2 พล.ต.อ.สุวัฒน์ ปป.3 (แทนพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ที่เกษียณอายุ) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ปป.4 พล.ต.อ.พงศพัศ บร. พล.ต.อ.เอก มค. และ พล.ต.อ.วรพงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ มค. เก้าอี้ตัวเดิมทั้ง 3 นาย
แต่ถ้า พล.ต.อ.ปานศิริได้รับการปลอบใจจากรัฐบาล ให้ไปดำรงตำแหน่งนอกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องเลื่อน พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา สบ.10 ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร
เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า พล.ต.อ.อดุลย์ นั้นครบเครื่องทั้งเรื่องบู๊และบุ๋น ไม่มีประวัติด่างพร้อย จึงเป็นที่ยอมรับของสังคมและตำรวจทั่วประเทศ
พล.ต.อ.อดุลย์ก็รู้ดีว่า สังคมฝากความหวังไว้กับตัวแม่ทัพตำรวจคนใหม่เพียงใด และจะทำอย่างไร ไม่ให้สังคมผิดหวังความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งมีตำรวจโรงพักเป็นหลัก
เป็นหัวใจห้องหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกทุกด้านให้ประชาชนอย่างเสมอภาค อีกสองห้องหัวใจ อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังตับบัญชาจะต้องเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง รองลงไปเป็นเรื่องของสวัสดิการ อาวุธยุทโธปกรณ์ ความยุติธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองสารวัตรและสารวัตรสู้รบกับผู้ก่อการร้ายในภาคอีสาน พล.ต.อ.อดุลย์ แสดงความเป็นผู้นำเป็นนักรบอย่างชัดเจน
เมื่อดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจจราจร พล.ต.อ.อดุลย์ก็แสดงความสามารถในด้านการบริหาร กำจัดจราจรพันธุ์ชั่วออกไปจากองค์กรไม่น้อย โดย พล.ต.อ.อดุลย์จะนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ลูกน้องสวมเสื้อแจ็คเก็ต สวมหมวกกันน็อกตะครุบลูกน้องเลวได้หลายคน
ตำรวจจราจรยุคนั้นอยู่เย็นเป็นสุขเพราะ พล.ต.อ.อดุลย์ จัดหาสวัสดิการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว ให้มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงแก่อัตถาพ ไม่อดอยากถึงกับต้องไปรีดไถสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน
งานชิ้นแรกของ พล.ต.อ.อดุลย์นั้น จะชำระล้างตำรวจทุกคนให้สะอาดปัดกวาดบ้านเรือนของตัวเองให้งามตา ก่อนจะไปรับใช้ประชาชนตำรวจที่ทำงานใกล้ชิดสัมผัสกับประชาชนตำรวจภูธรนครบาลสอบสวนกลางเป็นหน่วยงานนำร่อง
พล.ต.อ.อดุลย์จะกำจัดตำรวจ “คอตก - หญ้ารก” ออกจากหน่วยงานเหล่านี้
“คอตก” คือทำงานเฉื่อยชา ไม่มีความมุ่งมั่นขยันขันแข็งในหน้าที่ และถ้าสถานที่ทำงานสกปรก ปล่อยให้ต้นหญ้าขึ้นรกรุงรังแบบ “หญ้ารก” ทั้งคอตกและหญ้ารก ต้องเก็บเข้ากรุ ไม่ให้รกสังคม.
