xs
xsm
sm
md
lg

ตร.กองปราบฯ รวบนิโกรแสบลวงสาวไทยโอนเงิน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

กองปราบฯตามรวบผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่หลอกลวงเหยื่อสาวทางอินเทอร์เน็ท
ตร.กองปราบปรามติดตามจับกุมหนุ่มผิวดำตามหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกง พฤติกรรมสุดแสบลวงเหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต อ้อนอยากซื้อบ้านในเมืองไทยแต่ซื้อไม่ได้เพราะเป็นคนต่างด้าว จนเหยื่อสาวไทยหลงกลเชื่อใจ ทำทีซื้อของมาฝากจากเมืองนอกแต่เอาออกจากสนามบินไม่ได้ต้องเสียค่าธรรมเนียม เหยื่อรีบโอนให้เพราะอยากได้ของฟรี ถูกตุ๋นเสียเปื่อย!

วันนี้ (7 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา เวลา 10.30 น. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ สว.กก.1 บก.ป.แถลงข่าวจับกุม นายโคโนมา ไดเอคซา หรือเคน หรือสมศักดิ์ เดวิด อายุ 34 ปี สัญชาติเซียราลีโอน ตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 336/2555 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2555 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง จับกุมได้ที่ร้านอาหาร “บ้านมิสเตอร์แซนด์วิช” เลขที่ 374/11 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก น.ส.สุวิมล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ก่อนหน้านี้ว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวงให้โอนเงินทางบัญชีธนาคารเป็นเงินกว่า 4 แสนบาท หลังจากรู้จักและติดต่อกันทางเว็บไซต์ไฮไฟว์ ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาอ้างว่าอยากจะซื้อบ้านในเมืองไทย แต่ น.ส.สุวิมลบอกว่าไม่สามารถทำได้เพราะเป็นบุคคลต่างด้าว หลังจากนั้นก็ยังคงติดต่อกันมาตลอดจนเริ่มไว้เนื้อเชื่อใจกัน กระทั่งผู้ต้องหาอ้างว่าจะส่งของขวัญมาให้แต่อ้างว่านำออกจากสนามบินไม่ได้ ต้องมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ 2 หมื่นบาท โดยขอให้ น.ส.สุวิมลช่วยเหลือค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ทางบัญชีธนาคาร แต่กลับไม่ได้รับของตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นผู้ต้องหาหลอกลวงอีกว่ามีเงินดอลลาร์อยู่ในตู้เซฟ หากจะนำออกมาต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้เสียหายก็ยินดีช่วยเหลือได้โอนเงินไปให้อีกหลายครั้ง ภายหลังจึงแน่ใจว่าน่าจะถูกหลอกลวงแล้วจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตามแกะรอยการกระทำความผิดจากบัตรเอทีเอ็มของบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 361-251-3455 มีชื่อของนายจรูญ ไม้สน อายุ 32 ปี เป็นเจ้าของบัญชี เมื่อเชิญตัวมาสอบปากคำจึงทราบว่าถูก น.ส.นาถลดา คำอ้ายอาจ อายุ 33 ปี อดีตแฟนสาว นำข้อมูลไปเปิดบัญชีธนาคารดังกล่าว เมื่อสืบสวนต่อไปจึงพบว่า น.ส.นาถลดาเป็นน้องสาวของ น.ส.เบญจมาศ คำอ้ายอาจ อดีตภรรยาของผู้ต้องหา โดยเป็นผู้นำบัตรเอทีเอ็มใบนี้ไปให้กับผู้ต้องหาใช้ในการกระทำผิดหลอกเหยื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีดังกล่าวกว่า 20 ล้านบาท และเมื่อตรวจสอบแน่ชัดแล้วพนักงานสอบสวนจึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้

พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพฤติการณ์ในการกระทำความผิดพบว่าผู้ต้องหาจะใช้วิธีหลอกลวงเหยื่อที่เป็นหญิงสาวที่รู้จักกันทางเว็บไซต์หาคู่ โปรแกรมแชตยาฮูเมสเซนเจอร์ (Yahoo Messenger) หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ อาทิ เฟซบุ๊ก ไฮไฟว์ โดยติดต่อพูดคุยกันและอ้างตัวว่าเป็นชายผิวขาวชาวอเมริกัน อิตาลี และอีกหลายสัญชาติจนผู้เสียหายหลงเชื่อ จากนั้นก็อ้างว่าจะส่งของขวัญมาให้จำเป็นต้องมีค่าดำเนินการ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ก็จะหลอกลวงอีกว่าภายในมีเงินดอลลาร์และหากจะนำออกมาต้องมีค่าใช้จ่าย ที่ผ่านมามีผู้เสียหายประมาณ 7 รายที่หลงเชื่อโอนเงินให้กับผู้ต้องหา จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 5 ปี นอกจากนี้ยังมีชายชาวต่างชาติอีกรายที่ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้ด้วย

พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหายังพบว่า เคยถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาแล้ว แต่ครั้งนั้นพยานหลักฐานที่พบยังไม่สามารถเอาผิดในคดีดังกล่าว ชุดจับกุมจึงดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพียงข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเท่านั้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ก่อนจะเร่งขยายผลติดตามผู้ร่วมกระทำความผิดที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป

ผู้เสียหายรุมชี้ตัวที่กองปราบปราม

เดินคอตกรับชะตากรรมในคุก
กำลังโหลดความคิดเห็น