ผบช.ภ.1.แถลงโชว์ระดมกวาดล้างอาชญากรรม

ผบช.ภ.1 แถลงผลงานการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ ตร.ภูธรภาค 1 คดียาเสพติดครองแชมป์ ได้ผู้ต้องหายาเสพติด 1,052 คน ของกลางเป็นยาบ้า 187,500 เม็ด ยาไอซ์ 480 กรัม กัญชา กระท่อม ยาเค และยาอี อีกจำนวนหนึ่ง รองลงมาเป็นคดีอาวุธปืน 224 คดี ปืนมีทะเบียน 106 กระบอก ไม่มีทะเบียน 92 กระบอก เครื่องกระสุน 2,043 นัด และคดีหลบหนีเข้าเมืองตามลำดับ ในการจับกุมครั้งนี้ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าได้ผู้ต้องหา 44 คน ส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่น รวมผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 1,714 คน

วันนี้ (1 ส.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) เมื่อเวลา 10.00 น.พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต ปิยะ สองตระกูล รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและอาวุธปืนระหว่างวันที่ 26-30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1,714 คน เป็นคดียาเสพติดมากที่สุด คือ 1,052 คน ของกลางเป็นยาบ้า 187,500 เม็ด ยาไอซ์ 480 กรัม กัญชา กระท่อม ยาเคและยาอีอีกจำนวนหนึ่ง รองลงมาเป็นคดีอาวุธปืน 224 คดี ปืนมีทะเบียน 106 กระบอก ไม่มีทะเบียน 92 กระบอก เครื่องกระสุน 2,043 นัด และคดีหลบหนีเข้าเมืองตามลำดับ ในการจับกุมครั้งนี้ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าได้ผู้ต้องหา 44 คน ส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่น

นอกจากนี้ ยังสามารถจับกุม นายสิทธิชัย หรือ ชัยโชค ขจรไพศาล อายุ 31 ปี พร้อมยาบ้าจำนวน 10,100 เม็ด โดยจับกุมได้ บริเวณซอยสะพานขาว หมู่12 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เบื้องเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ระดมกำลังกวาดล้างอาวุธปืนเพื่อสกัดกั้นและยับยั้งการก่อเหตุอาชญากรรม ซึ่งในการระดมกวาดล้างที่ผ่านมา 2 ครั้ง จังหวัดนนทบุรี มีผลการจับกุมมากที่สุด เชื่อว่า สาเหตุมาจากประชาชนจากต่างจังหวัดที่เดินทางเข้ามาพักอาศัยชั่วคราวเป็นจำนวนมาก จึงมีการพกพาอาวุธปืนโดยอ้างว่าใช้ป้องกันตัว ส่วนการจับกุมยาเสพติด ได้เน้นการจับกุมไปที่กลุ่มผู้ค้ายารายย่อย เพราะจะช่วยตัดเครือข่ายผู้ค้ายาทำให้ผู้สั่งการเบื้องหลังไม่สามารถจำหน่ายยาเสพติดออกไปได้

พล.ต.ท.วินัย ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่จะถูกย้ายไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ว่าขอให้เป็นดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา ว่า จะให้ไปอยู่ที่ไหนอย่างไร และยืนยันว่าพร้อมทำงานเหมือนเดิม