นายชรินทร์ ช้ำเกตุ อายุ 35 เป็นพนักงานคอมพิวเตอร์ โรงแรมบางกอกซาฮาร่า สุขุมวิทซอย 5 เลิกจากทำงานก็ขับแท๊กซี่หารายได้เพิ่ม เลี้ยงครอบครัวอีก 4 ชีวิต
ครอบครัวนายชรินทร์อยู่แฟลตเอื้ออาทร หัวหมาก มีแม่วัยชรา เมีย ลูก 2 คน คนโตอายุ 5 ขวบ คนเล็กขวบครึ่ง
ตี 3 กว่า วันที่ 1 กรก.ฎาคม 2555 น.ส.ชลลดา จาระสิทธิ์ อายุ 25 พนักงานฝ่ายครัว การบินไทย ไปแจ้งความกับ พ.ต.ท.พงศ์พิเชฐ จำปางาม ร้อยเวร สน.ลาดกระบัง
ประมาณตี 1 เศษ เธอเรียกแท๊กซี่เขียว - เหลือง จากอาร์ซีเอ.ให้ไปส่งที่ถนนศรีนครินทร์ แท๊กซี่วิ่งไปตามถนนพระราม 9 ออกถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ พอถึงที่เปลี่ยวแขวงคลองต้นนุ่น ก็จอดรถใช้มีดจี้บังคับให้ส่งทรัพย์สิน
เธอส่งกระเป๋าสะพายให้ไป ในนั้นมีทรัพย์สินทั้งหมดรวมกันประมาณ 5 หมื่นบาท พอแท๊กซี่โจรเผลอเธอก็ลงจากรถวิ่งหนี ส่วนแท๊กซี่ก็ขับหนีไปเช่นกัน
เธอยืนยันกับตำรวจว่า แท็กซี่มหาภัยคันนั้นทะเบียน มจ. 621 กรุงเทพมหานคร จำได้แม่นเพราะมีสติ๊กเกอร์ระบุทะเบียนรถ ติดที่ประตูรถด้านใน
ตำรวจตรวจสอบพบว่า แท๊กซี่คันนั้นเป็นของนายชรินทร์
รุ่งขึ้นวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 นายชรินทร์ทราบข่าวแท๊กซี่ชิงทรัพย์ผู้โดยสาร และทะเบียนรถตรงกับรถของตน จึงเข้ามอบตัวกับตำรวจลาดกระบัง
นายชรินทร์บอกกับตำรวจว่า ตนไปทำธุระกับเจ้านายที่จังหวัดชัยนาท ตลอดวันที่ 1 กรกฎาคม ตนอยู่ที่ชัยนาท พอกลับบ้านก็ทราบข่าว
แม้นายชรินทร์จะปฏิเสธและแสดงหลักฐาน แต่ก็ถูกคุมตัวในข้อหาชิงทรัพย์ เพราะเจ้าทุกข์ยืนยันทะเบียนรถชัดเจน และต่อมาเมื่อข่าวแพร่สะพัดทางสื่อต่าง ๆ ก็มีเจ้าทุกข์ไปที่ สน.ลาดกระบัง
หญิงสาว 4 คน ยืนเรียงแถวชี้ตัวนายชรินทร์ ยืนยันเป็นคนร้ายที่เคยชิงทรัพย์เธอ
นายชรินทร์ถูกขังที่ สน.ลาดกระบัง 2 วัน ถูกส่งเข้าเรือนจำจังหวัดมีนบุรี
ตี 3 กว่า วันที่ 7 กรกฎาคม 2555 หญิงสาววัย 20 ไปแจ้งกับ พ.ต.ท.วิบูลย์ นิติธรรมจรรยา สารวัตรเวร สน.ลาดกระบัง ถูกโชเฟอร์แท๊กซี่ข่มขืนและชิงทรัพย์ ในซอย 23 แยก 2 ถนนร่มเกล้า
เธอให้การว่า เรียกแท๊กซี่จากอาร์ซีเอ. ให้ไปส่งแถวมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ถูกแท๊กซี่ขับออกนอกเส้นทาง และแท๊กซี่เขียว - เหลือง คันนั้น ทะเบียน มจ.621 กรุงเทพมหานคร
คันเดียวกับแท๊กซี่ของนายชรินทร์ที่อยู่ในเรือนจำ
ในที่สุดตำรวจก็จับโชเฟอร์แท๊กซี่มหาภัยตัวจริงได้ มันชื่อ นายทินภักร โสภาโชติกุล อายุ 35 พร้อมรถแท๊กซี่เขียว - เหลือง ซึ่งไม่ใช่ทะเบียน มจ.621 แต่มีสติ๊กเกอร์ทะเบียน มจ.621 ติดอยู่ในรถ
มีหญิงสาวสิบกว่าคนมาชี้ตัวนายชินภัทร
ตำรวจทำเรื่องขอปล่อยตัวนายชรินทร์ หลังจากนายชรินทร์อยู่ในเรือนจำ 7 วัน
9 วันที่คนดีคนบริสุทธิ์ต้องถูกคุมขัง นายชรินทร์คิดฆ่าตัวตาย แต่เมียไปเยี่ยมให้กำลังใจว่าคนดีย่อมมีพระคุ้มครอง
ที่ร้ายกว่านั้น เพื่อนบ้านต่างห้ามลูกหลานไม่ให้มาเล่นกับลูกของตน บอกว่า “มันเป็นลูกโจร”
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. มอบเงินปลอบขวัญให้นายชรินทร์ 2 หมื่นบาท และบอกว่าเรื่องนี้ไม่โทษลูกน้อง แต่ถ้าสังคมมองว่าตำรวจผิด ตนก็ขอโทษแทนลูกน้องด้วย
ตำรวจไม่ผิดหรอก เพราะทำคดีไปตามหลักฐานที่ปรากฏ รวมทั้งหญิง 4 คน ที่ไปชี้ตัวนายชรินทร์ นับเป็นพยานหลักฐานสำคัญ
ตำรวจทำเก๋ไม่พูดถึงเรื่องนี้..... เรื่องพยานเท็จ ที่ทำให้ตำรวจเข้ารกเข้าพง.
ครอบครัวนายชรินทร์อยู่แฟลตเอื้ออาทร หัวหมาก มีแม่วัยชรา เมีย ลูก 2 คน คนโตอายุ 5 ขวบ คนเล็กขวบครึ่ง
ตี 3 กว่า วันที่ 1 กรก.ฎาคม 2555 น.ส.ชลลดา จาระสิทธิ์ อายุ 25 พนักงานฝ่ายครัว การบินไทย ไปแจ้งความกับ พ.ต.ท.พงศ์พิเชฐ จำปางาม ร้อยเวร สน.ลาดกระบัง
ประมาณตี 1 เศษ เธอเรียกแท๊กซี่เขียว - เหลือง จากอาร์ซีเอ.ให้ไปส่งที่ถนนศรีนครินทร์ แท๊กซี่วิ่งไปตามถนนพระราม 9 ออกถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ พอถึงที่เปลี่ยวแขวงคลองต้นนุ่น ก็จอดรถใช้มีดจี้บังคับให้ส่งทรัพย์สิน
เธอส่งกระเป๋าสะพายให้ไป ในนั้นมีทรัพย์สินทั้งหมดรวมกันประมาณ 5 หมื่นบาท พอแท๊กซี่โจรเผลอเธอก็ลงจากรถวิ่งหนี ส่วนแท๊กซี่ก็ขับหนีไปเช่นกัน
เธอยืนยันกับตำรวจว่า แท็กซี่มหาภัยคันนั้นทะเบียน มจ. 621 กรุงเทพมหานคร จำได้แม่นเพราะมีสติ๊กเกอร์ระบุทะเบียนรถ ติดที่ประตูรถด้านใน
ตำรวจตรวจสอบพบว่า แท๊กซี่คันนั้นเป็นของนายชรินทร์
รุ่งขึ้นวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 นายชรินทร์ทราบข่าวแท๊กซี่ชิงทรัพย์ผู้โดยสาร และทะเบียนรถตรงกับรถของตน จึงเข้ามอบตัวกับตำรวจลาดกระบัง
นายชรินทร์บอกกับตำรวจว่า ตนไปทำธุระกับเจ้านายที่จังหวัดชัยนาท ตลอดวันที่ 1 กรกฎาคม ตนอยู่ที่ชัยนาท พอกลับบ้านก็ทราบข่าว
แม้นายชรินทร์จะปฏิเสธและแสดงหลักฐาน แต่ก็ถูกคุมตัวในข้อหาชิงทรัพย์ เพราะเจ้าทุกข์ยืนยันทะเบียนรถชัดเจน และต่อมาเมื่อข่าวแพร่สะพัดทางสื่อต่าง ๆ ก็มีเจ้าทุกข์ไปที่ สน.ลาดกระบัง
หญิงสาว 4 คน ยืนเรียงแถวชี้ตัวนายชรินทร์ ยืนยันเป็นคนร้ายที่เคยชิงทรัพย์เธอ
นายชรินทร์ถูกขังที่ สน.ลาดกระบัง 2 วัน ถูกส่งเข้าเรือนจำจังหวัดมีนบุรี
ตี 3 กว่า วันที่ 7 กรกฎาคม 2555 หญิงสาววัย 20 ไปแจ้งกับ พ.ต.ท.วิบูลย์ นิติธรรมจรรยา สารวัตรเวร สน.ลาดกระบัง ถูกโชเฟอร์แท๊กซี่ข่มขืนและชิงทรัพย์ ในซอย 23 แยก 2 ถนนร่มเกล้า
เธอให้การว่า เรียกแท๊กซี่จากอาร์ซีเอ. ให้ไปส่งแถวมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ถูกแท๊กซี่ขับออกนอกเส้นทาง และแท๊กซี่เขียว - เหลือง คันนั้น ทะเบียน มจ.621 กรุงเทพมหานคร
คันเดียวกับแท๊กซี่ของนายชรินทร์ที่อยู่ในเรือนจำ
ในที่สุดตำรวจก็จับโชเฟอร์แท๊กซี่มหาภัยตัวจริงได้ มันชื่อ นายทินภักร โสภาโชติกุล อายุ 35 พร้อมรถแท๊กซี่เขียว - เหลือง ซึ่งไม่ใช่ทะเบียน มจ.621 แต่มีสติ๊กเกอร์ทะเบียน มจ.621 ติดอยู่ในรถ
มีหญิงสาวสิบกว่าคนมาชี้ตัวนายชินภัทร
ตำรวจทำเรื่องขอปล่อยตัวนายชรินทร์ หลังจากนายชรินทร์อยู่ในเรือนจำ 7 วัน
9 วันที่คนดีคนบริสุทธิ์ต้องถูกคุมขัง นายชรินทร์คิดฆ่าตัวตาย แต่เมียไปเยี่ยมให้กำลังใจว่าคนดีย่อมมีพระคุ้มครอง
ที่ร้ายกว่านั้น เพื่อนบ้านต่างห้ามลูกหลานไม่ให้มาเล่นกับลูกของตน บอกว่า “มันเป็นลูกโจร”
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. มอบเงินปลอบขวัญให้นายชรินทร์ 2 หมื่นบาท และบอกว่าเรื่องนี้ไม่โทษลูกน้อง แต่ถ้าสังคมมองว่าตำรวจผิด ตนก็ขอโทษแทนลูกน้องด้วย
ตำรวจไม่ผิดหรอก เพราะทำคดีไปตามหลักฐานที่ปรากฏ รวมทั้งหญิง 4 คน ที่ไปชี้ตัวนายชรินทร์ นับเป็นพยานหลักฐานสำคัญ
ตำรวจทำเก๋ไม่พูดถึงเรื่องนี้..... เรื่องพยานเท็จ ที่ทำให้ตำรวจเข้ารกเข้าพง.
