เจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาตะล่อม จ.กำแพงเพชร แจ้งกองปราบฯ ช่างกุญแจแอบเข้ามาขโมยพระเครื่องพระบูชา ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้พระเครื่องไปกว่า 2,000 องค์ ภายในอาคาร 2 ชั้น ศาลาอเนกประสงค์ เผยเคยไปแจ้งความที่กองบังคับการภูธรจังหวัดทั้งที่สามารถชี้ตัวคนร้ายได้ชัดแต่ก็ไม่มีการจับกุม กลับกล่าวอ้างว่าเจ้าอาวาสมีเรื่องขัดแย้งกับชาวบ้าน
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่กองปราบปราม พระภัควัฒน์ ภัควุฑโฒ หรือวงศ์ภัควัน เจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาตะล่อม หมู่ 4 บ้านเขาสว่าง ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ดุสิทธิ์ ลาวัลย์ พนักงานสอบสวน (สบ1) กก.4 บก.ป.เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูกขโมยพระเครื่อง พระบูชา ภายในอาคาร 2 ชั้น ศาลาอเนกประสงค์ ของทางวัดมาหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่เมื่อปี 2550 เป็นต้นมา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่สอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ทั้งที่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร หนำซ้ำตำรวจที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุยังขโมยพระเครื่อง พระบูชา จากที่เกิดเหตุไปด้วย
พระภัควัฒน์เปิดเผยว่า เป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาตะล่อมมาหลายสิบปี ปัจจุบันนี้มีเพียงรูปเดียวที่จำวัดอยู่ ทั้งนี้ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคนร้ายแอบเข้ามาขโมยพระเครื่องที่เก็บสะสมไว้ที่ศาลาอเนกประสงค์ และที่ห้องนอน โดยผู้ที่ก่อเหตุนั้นทราบว่าเป็นช่างกุญแจในพื้นที่ เพราะเคยจ้างให้มาทำลูกกุญแจที่เคยทำหายขณะถางป่า และเห็นกับตาขณะคนร้ายก่อเหตุ โดยพระเครื่องที่ถูกขโมยไปนั้น ได้แก่ พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์นิยม 1,500 องค์ พระสมเด็จเบญจรงค์ 500 องค์ พระร่วงรางปืนเนื้อทองคำ 10 องค์ พระร่วงรางปืนเนื้อสัมฤทธิ์ 20 องค์ และพระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เกือบเต็มโถ 1 ใบ
พระภัควัฒน์กล่าวต่อว่า แต่ละครั้งที่เกิดเหตุก็ไปแจ้งความที่ สภ.พรานกระต่าย แต่ก็ไม่เคยจับกุมคนร้ายได้ หนำซ้ำเมื่อปีก่อน ตำรวจที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุยังแอบหยิบพระเครื่องไปเป็นจำนวนมาก อาตมาจึงย้ายพระเครื่องที่สำคัญๆ ไปเก็บไว้ในห้องนอน แต่ก็ยังถูกคนร้ายบุกเข้ามารื้อค้นขโมยไปอีก เมื่อเห็นว่าแจ้งตำรวจท้องที่ก็ไม่มีความคืบหน้า ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางมาร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจเรตำรวจได้ทำการสอบสวนและสั่งการให้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ลงมาสอบสวน แต่ปรากฏว่าตำรวจที่มาสอบสวนกลับไปสอบสวนชาวบ้าน แล้วกลับไปรายงานผู้บังคับบัญชาว่าเจ้าอาวาสไม่สามารถเข้ากับชาวบ้านได้ ทั้งๆ ที่เป็นผู้เสียหาย จึงต้องมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากตำรวจกองบังคับการปราบปรามให้ช่วยจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
ด้าน ร.ต.อ.ดุสิทธิ์ ได้รับเรื่องและสอบปากคำพระภัควัฒน์ไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอผู้บังคับบัญชาสั่งดำเนินการต่อไป