ที่ประชุม คกก.พิจารณาการส่งตร.ทำหน้าที่ประสานงานในต่างประเทศ เตรียมความพร้อมจัดส่งนายตำรวจไปประจำการใน 4 ประเทศ จีน พม่า ลาว และกัมพูชา เพื่อประสานแผนปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ ก่อนเสนอขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการส่งข้าราชการตำรวจทำหน้าที่ประสานงานกิจการตำรวจ ณ ต่างประเทศ เพื่อป้องกันปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติและประสานงานและแสวงหาความร่วมมือทางอาญา ครั้งที่ 1/2555 ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง โดย พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวภายหลังการประชุมว่า เป็นการหารือและเตรียมความพร้อม กรณี ตร.จะขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดส่งข้าราชการตำรวจ ไปประจำการในประเทศ พม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กัมพูชา และ มณฑลยูนาน ประเทศจีน เพื่อทำหน้าที่เป็นนายตำรวจประสานงานด้านการปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรม และความร่วมมือทางอาญา นอกเหนือจากการมีตำรวจสันติบาลประจำการที่ประเทศมาเลเซียที่มีอยู่แล้ว ซึ่งการส่งตำรวจไปประจำการที่ 4 ประเทศนี้ประเด็นที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติผลักดัน โดยต้องการเน้นการประสานข้อมูลในเรื่องยาเสพติดโดยเฉพาะ ทั้งนี้เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานโครงสร้างบุคคลากรของไทยที่ประจำการในต่างประเทศ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเป็นประธาน และต้องผ่านคณะกรรมการอีก 2 ชุด จึงนำเข้าพิจารณาใน ครม.ได้ ดังนั้นในส่วนของตร.ต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า คณะกรรมการข้าราชการตำรวจได้อนุมัติเปิดตำแหน่งนายตำรวจเพื่อไปปฏิบัติภารกิจนี้ไว้แล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2550 โดยกำหนดให้ประเทศละ 2 ตำแหน่ง คือ รองผู้บังคับการ 1 ตำแหน่ง สารวัตร 1 ตำแหน่ง แต่คณะกรรมการมองว่าคงไม่พอ จึงต้องพิจารณาเรื่องการจ้างพนักงานท้องถิ่นมาเป็นเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้จะพิจารณาด้านงบประมาณ ความคุ้มค่าเนื่องจากต้องให้งบฯ มาก โดยต้องวางกรอบภารกิจให้เหมาะสม ทั้งนี้ หาก ครม.อนุมัติ ตร.ก็ต้องกำหนดคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่จะดำรงตำแหน่งนี้ ทั้งด้านภาษาที่เบื้องต้นควรต้องมีคะแนนสอบโทเฟลมากกว่า 550 คะแนนไอเอลมากกว่า 600 คะแนน
รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ตร.กำลังเตรียมความพร้อมตำรวจในการก้าวเข้าสู่ปะชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยมอบหมายให้หน่วยที่เกี่ยวข้องแบ่งงานกันไปดำเนินการด้านต่างๆให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ และตามแผนปฏิบัติการของ ตร. ทั้งนี้ ต้องวางระบบการรับตำรวจใหม่ และฝึกอบรมทักษะให้ข้าราชการตำรวจที่มีอยู่กว่า 200,000 คน ให้มีความพร้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ ตร.ต้องวางระบบ เป็นเรื่องใหญ่ โดยมองว่าจากนี้ตำรวจที่อยู่ในแนวชายแดน ในพื้นที่ซึ่งติดต่อหรือใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านต้องมีทักษะภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาถิ่นของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ตำรวจภูธรภาค 3 ควรต้องสื่อสารภาษากัมพูชาได้
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการส่งข้าราชการตำรวจทำหน้าที่ประสานงานกิจการตำรวจ ณ ต่างประเทศ เพื่อป้องกันปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติและประสานงานและแสวงหาความร่วมมือทางอาญา ครั้งที่ 1/2555 ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง โดย พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวภายหลังการประชุมว่า เป็นการหารือและเตรียมความพร้อม กรณี ตร.จะขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดส่งข้าราชการตำรวจ ไปประจำการในประเทศ พม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กัมพูชา และ มณฑลยูนาน ประเทศจีน เพื่อทำหน้าที่เป็นนายตำรวจประสานงานด้านการปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรม และความร่วมมือทางอาญา นอกเหนือจากการมีตำรวจสันติบาลประจำการที่ประเทศมาเลเซียที่มีอยู่แล้ว ซึ่งการส่งตำรวจไปประจำการที่ 4 ประเทศนี้ประเด็นที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติผลักดัน โดยต้องการเน้นการประสานข้อมูลในเรื่องยาเสพติดโดยเฉพาะ ทั้งนี้เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานโครงสร้างบุคคลากรของไทยที่ประจำการในต่างประเทศ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเป็นประธาน และต้องผ่านคณะกรรมการอีก 2 ชุด จึงนำเข้าพิจารณาใน ครม.ได้ ดังนั้นในส่วนของตร.ต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า คณะกรรมการข้าราชการตำรวจได้อนุมัติเปิดตำแหน่งนายตำรวจเพื่อไปปฏิบัติภารกิจนี้ไว้แล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2550 โดยกำหนดให้ประเทศละ 2 ตำแหน่ง คือ รองผู้บังคับการ 1 ตำแหน่ง สารวัตร 1 ตำแหน่ง แต่คณะกรรมการมองว่าคงไม่พอ จึงต้องพิจารณาเรื่องการจ้างพนักงานท้องถิ่นมาเป็นเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้จะพิจารณาด้านงบประมาณ ความคุ้มค่าเนื่องจากต้องให้งบฯ มาก โดยต้องวางกรอบภารกิจให้เหมาะสม ทั้งนี้ หาก ครม.อนุมัติ ตร.ก็ต้องกำหนดคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่จะดำรงตำแหน่งนี้ ทั้งด้านภาษาที่เบื้องต้นควรต้องมีคะแนนสอบโทเฟลมากกว่า 550 คะแนนไอเอลมากกว่า 600 คะแนน
รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ตร.กำลังเตรียมความพร้อมตำรวจในการก้าวเข้าสู่ปะชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยมอบหมายให้หน่วยที่เกี่ยวข้องแบ่งงานกันไปดำเนินการด้านต่างๆให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ และตามแผนปฏิบัติการของ ตร. ทั้งนี้ ต้องวางระบบการรับตำรวจใหม่ และฝึกอบรมทักษะให้ข้าราชการตำรวจที่มีอยู่กว่า 200,000 คน ให้มีความพร้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ ตร.ต้องวางระบบ เป็นเรื่องใหญ่ โดยมองว่าจากนี้ตำรวจที่อยู่ในแนวชายแดน ในพื้นที่ซึ่งติดต่อหรือใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านต้องมีทักษะภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาถิ่นของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ตำรวจภูธรภาค 3 ควรต้องสื่อสารภาษากัมพูชาได้