รอง ผบ.ตร.ประชุมคณะกรรมการเตรียมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี2558 ถกความคืบหน้าการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพิจารณายุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ. พล.ต.ต.โกสินทร์ บุณสร้าง รอง ผบช.ตชด. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ครั้งที่ 1/2555 เพื่อติดตามความคืบหน้า คณะกรรมการและคณะกรรมการจัดทำหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับการปฏิบัติงานในหน้าที่ตำรวจ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการพิจารณาเรื่องยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน โดยคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนรัฐสภา เรื่องการจัดระเบียบชายแดน
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวในที่ประชุมว่า ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้ตั้งตนให้เป็นประธานตามมติในที่ประชุม ก.ตร. โดยกำหนดให้ทำงานร่วมกันกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ผู้ดูแลในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว เพื่อวางระบบให้มีความพร้อมก่อนที่จะก้าวไปในการเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2015 ซึ่งมีเรื่องที่คณะทำงานจะต้องดำเนินการหลายเรื่อง ได้แก่ การเตรียมแผนปฏิบัติการเตรียมการสอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ ผบช.ศ. ทำโครงสร้างหลักสูตรว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน โดยมีความต้องมีความชัดเจนก่อนที่จะกำหนดงบประมาณในการพัฒนาภาษาให้แก่ตำรวจทั้งหมดกว่า 200,000 นาย ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 จากประเทศเพื่อนบ้านในประชาคมอาเซียน ซึ่งอาจจะเป็นการจัดทำเป็นห้องซาวนด์แล็บในการพัฒนาภาษา โดยใช้ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านการสืบสวนสอบสวน
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวอีกว่า บช.ศ.จะต้องจัดทำคู่มือว่าด้วยตำรวจกับการเปลี่ยนแปลงในประชาคมอาเซียนต่อไป ส่วนในเรื่องของการกำหนดยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดนทั้งหมด ทั้งนี้ เมื่อมีการเปิดประชาคมอาเซียนแล้วจะต้องเร่งพัฒนาศักยภาพมากขึ้นทั้งด้านกำลังและอุปกรณ์เครื่องมือที่ยังคาดแคลน รวมทั้งการประสานความร่วมกับหน่วยงานทั้งหมดให้ทันก่อนการเปิดประเทศเป็นประชาคมอาเซียนจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะด้านการรักษาความปลอดภัย เมื่อประเทศไร้พรมแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับข้อกำหนดที่คณะกรรมาธิการกิจการชายแดนของรัฐสภา ด้วยการจัดระเบียบชายหลังยกเลิกกฎอัยการศึกในการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ รวมถึงการดูแลช่องทางสำคัญรอบๆ ตามแนวชายแดนทั่วประเทศ โดยใช้กำลังของ บช.ตชด.เข้าดูแทน อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รอง ผบ.ตร.จะเดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการดังกล่าวร่วมกับ พล.ต.ต.โกสินทร์ บุญสร้าง รอง ผบช.ตชด. ในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในกรณีที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนมี ฉะนั้นทาง ตร.จะต้องมีการดำเนินการใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1. จะต้องทำภายใน 3 ปี โดยตำรวจ 2 แสนนายจะต้องรู้ว่าสมาคมอาเซียนคืออะไร และต้องปรับการทำงานอย่างไรบ้าง 2. ให้ ผบช.ศ.ไปพิจารณาเรื่องส่งเสริมให้ตำรวจเรียนรู้ภาษาที่ 2 คือ ภาษาอังกฤษ ภายใน 3 ปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสื่อสารภาษาอังกฤษได้ รวมถึงเรียนรู้ภาษาที่ 3 ที่จำเป็น เช่น ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ติดชายแดนประเทศลาว กัมพูชา หรือชายแดนใต้ ต้องสามารถสื่อสารภาษากับประเทศเหล่านั้นได้ 3. ให้ทุกกองบัญชาการไปตรวจสอบว่าแต่ละกองบัญชาการมีกฎหมายที่จะเป็นปัญหาในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนหรือไม่ เพื่อจะรีบดำเนินการแก้ไขต่อไป
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ. พล.ต.ต.โกสินทร์ บุณสร้าง รอง ผบช.ตชด. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ครั้งที่ 1/2555 เพื่อติดตามความคืบหน้า คณะกรรมการและคณะกรรมการจัดทำหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับการปฏิบัติงานในหน้าที่ตำรวจ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการพิจารณาเรื่องยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน โดยคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนรัฐสภา เรื่องการจัดระเบียบชายแดน
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวในที่ประชุมว่า ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้ตั้งตนให้เป็นประธานตามมติในที่ประชุม ก.ตร. โดยกำหนดให้ทำงานร่วมกันกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ผู้ดูแลในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว เพื่อวางระบบให้มีความพร้อมก่อนที่จะก้าวไปในการเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2015 ซึ่งมีเรื่องที่คณะทำงานจะต้องดำเนินการหลายเรื่อง ได้แก่ การเตรียมแผนปฏิบัติการเตรียมการสอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ ผบช.ศ. ทำโครงสร้างหลักสูตรว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน โดยมีความต้องมีความชัดเจนก่อนที่จะกำหนดงบประมาณในการพัฒนาภาษาให้แก่ตำรวจทั้งหมดกว่า 200,000 นาย ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 จากประเทศเพื่อนบ้านในประชาคมอาเซียน ซึ่งอาจจะเป็นการจัดทำเป็นห้องซาวนด์แล็บในการพัฒนาภาษา โดยใช้ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านการสืบสวนสอบสวน
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวอีกว่า บช.ศ.จะต้องจัดทำคู่มือว่าด้วยตำรวจกับการเปลี่ยนแปลงในประชาคมอาเซียนต่อไป ส่วนในเรื่องของการกำหนดยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดนทั้งหมด ทั้งนี้ เมื่อมีการเปิดประชาคมอาเซียนแล้วจะต้องเร่งพัฒนาศักยภาพมากขึ้นทั้งด้านกำลังและอุปกรณ์เครื่องมือที่ยังคาดแคลน รวมทั้งการประสานความร่วมกับหน่วยงานทั้งหมดให้ทันก่อนการเปิดประเทศเป็นประชาคมอาเซียนจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะด้านการรักษาความปลอดภัย เมื่อประเทศไร้พรมแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับข้อกำหนดที่คณะกรรมาธิการกิจการชายแดนของรัฐสภา ด้วยการจัดระเบียบชายหลังยกเลิกกฎอัยการศึกในการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ รวมถึงการดูแลช่องทางสำคัญรอบๆ ตามแนวชายแดนทั่วประเทศ โดยใช้กำลังของ บช.ตชด.เข้าดูแทน อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รอง ผบ.ตร.จะเดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการดังกล่าวร่วมกับ พล.ต.ต.โกสินทร์ บุญสร้าง รอง ผบช.ตชด. ในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในกรณีที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนมี ฉะนั้นทาง ตร.จะต้องมีการดำเนินการใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1. จะต้องทำภายใน 3 ปี โดยตำรวจ 2 แสนนายจะต้องรู้ว่าสมาคมอาเซียนคืออะไร และต้องปรับการทำงานอย่างไรบ้าง 2. ให้ ผบช.ศ.ไปพิจารณาเรื่องส่งเสริมให้ตำรวจเรียนรู้ภาษาที่ 2 คือ ภาษาอังกฤษ ภายใน 3 ปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสื่อสารภาษาอังกฤษได้ รวมถึงเรียนรู้ภาษาที่ 3 ที่จำเป็น เช่น ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ติดชายแดนประเทศลาว กัมพูชา หรือชายแดนใต้ ต้องสามารถสื่อสารภาษากับประเทศเหล่านั้นได้ 3. ให้ทุกกองบัญชาการไปตรวจสอบว่าแต่ละกองบัญชาการมีกฎหมายที่จะเป็นปัญหาในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนหรือไม่ เพื่อจะรีบดำเนินการแก้ไขต่อไป
