ตำรวจบางขุนเทียนนำตัวผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์ก่อคดีฆ่าข่มขืนหมกศพสาวเจ้าของร้ายขายเครื่องสำอาง ไปขออำนาจศาลฝากขังพร้อมแจ้งข้อหาหนัก ชี้ พฤตติกรรมเคยก่อเหตุโจกรรมทรัพย์สินมาแล้วหลายรายการ รอเพียงผลพิสูจน์ดีเอ็นเอยันคดีข่มขืนเพิ่ม
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.วรลภย์ สุวรรณเกษการ รองผกก.สส.สน.บางขุนเทียน เปิดเผยความคืบหน้ากรณีจับกุมตัว MR.MARK ALVIN ABAD ANTONIO อายุ 28 ปี ชาวฟิลิปปินส์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 346/55 ลงวันที่ 19 มิ.ย. หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุข่มขืนและฆ่า น.ส.จอย (นามสมมติ) อายุ 28 ปี หมกห้องชุดหรูเมโทรปาร์คคอนโดมิเนียม ถนนกัลปพฤกษ์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี เป็นผลัดแรกระยะเวลา 12 วัน และแนบเรื่องคัดค้านการให้ประกันตัวต่อศาลเนื่องจากเป็นชาวต่างชาติ และเกรงว่า จะหลบหนี ได้แจ้งข้อหาหนักเอาไว้ 5 ข้อหา ได้แก่ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3.บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน 4.พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร 5.ข่มขืนผู้อื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตนเอง หลังจากนี้ รอเพียงผลพิสูจน์ดีเอ็นเอมายืนยันข้อหาข่มขืน เท่านั้น
พ.ต.ท.วรลภย์ กล่าวอีกว่า สำหรับเส้นทางการเข้าประเทศของผู้ต้องหารายนี้ พบว่า เดินทางมาประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยวได้เกือบ 2 ปีแล้ว มีการต่ออายุวีซ่าทุกๆ 2 เดือน และมาพักอาศัยที่ห้องดังกล่าวอยู่กับพี่สะใภ้ชาวไทย ซึ่งเป็นภรรยาของพี่ชายตัวเอง เพื่อรับจ้างเลี้ยงลูกให้ได้ค่าแรงเดือนละ 10,000 บาท โดยหลังจากที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนเทียน ตัดสินใจบุกค้นห้องพักของผู้ต้องหาก็พบทรัพย์สินชนิดอื่นๆ ทั้งทองรูปพรรณ และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งไม่สามารถตรวจหาที่มาได้อีกหลายชนิด สอดคล้องกับเมื่อช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบรรดาผู้พักอาศัยในเมโทรปาร์คคอนโดมิเนียมหลายคน เคยแจ้ง รปภ.โครงการเอาไว้ว่าห้องถูกคนร้ายงัดแงะโจรกรรมเอาทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ สูญหายไปหลายรายการ หากตรวจสอบแล้วว่ามีของกลางชิ้นใดไปอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาก็จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกันต่อไป