ศาลสั่งจำคุก 13 ปี แท็กซี่ใช้ไขควงจี้ชิงมือถือ เงิน 200 บาท และจับหน้าอกผู้โดยสารสาว แต่จำเลยรับสารภาพเหลือติดคุก 6 ปีครึ่ง ชดใช้เงินคืน 1.5 หมื่นบาท
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ศาลอาญารัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีชิงทรัพย์ อ.5020/2554 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายรังสรรค์ หรือเก๋ จันทนะ อายุ 34 ปี ชาว อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นจำเลยในความผิดฐานชิงทรัพย์เวลากลางคืน, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกระทำอนาจาร
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2554 เวลา 03.00 น. จำเลยขับรถแท็กซี่สีแดง ทะเบียน ทว 2066 กรุงเทพมหานคร รับ น.ส.กิ๊ก (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผู้เสียหายจากซอยลาดพร้าว 122 (ซอยมหาดไทย) ไปส่งที่ซอยลาดพร้าว 83 แต่จำเลยกลับกดล็อกประตูและขับรถเลยไปเรื่อยๆ จนถึงซอยนวมินทร์ 127 แขวงนวลจนทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. และใช้ไขควงเป็นอาวุธพูดจาข่มขู่จี้เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่นอี 71 ราคาประมาณ 10,000 บาท และเงิน 200 บาทไป นอกจากนี้ยังจับหน้าอกผู้เสียหาย 1 ครั้ง เมื่อผู้เสียหายดิ้นรนต่อสู้ขัดขืนก็ถูกจำเลยชกที่ใบหน้าและตามร่างกายหลายครั้ง สุดท้ายผู้เสียหายก็ดิ้นหลุด หนีลงจากรถโดย รปภ. ละแวกนั้นช่วยเหลือพาเข้าแจ้งความ สน.โคกคราม ติดตามจับกุมแจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้เสียหายเบิกความยืนยันว่าขณะเกิดเหตุแม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ก็มีแสงสว่างจากบ้านเรือนส่องเข้ามาในรถ สามารถมองเห็นและจดจำใบหน้าจำเลย ทั้งยังมีโอกาสพูดคุยกันเป็นเวลานาน ทั้งผู้เสียหายไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองที่จะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาจำคุกฐานชิงทรัพย์ฯ 12 ปี, ฐานกระทำอนาจารจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 13 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้ 6 ปี 6 เดือน และให้จำเลยคืนทรัพย์สินมูลค่า 10,200 บาท รวมทั้งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายที่ขาดรายได้อีก 5,139 บาทด้วย
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ศาลอาญารัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีชิงทรัพย์ อ.5020/2554 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายรังสรรค์ หรือเก๋ จันทนะ อายุ 34 ปี ชาว อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นจำเลยในความผิดฐานชิงทรัพย์เวลากลางคืน, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกระทำอนาจาร
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2554 เวลา 03.00 น. จำเลยขับรถแท็กซี่สีแดง ทะเบียน ทว 2066 กรุงเทพมหานคร รับ น.ส.กิ๊ก (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผู้เสียหายจากซอยลาดพร้าว 122 (ซอยมหาดไทย) ไปส่งที่ซอยลาดพร้าว 83 แต่จำเลยกลับกดล็อกประตูและขับรถเลยไปเรื่อยๆ จนถึงซอยนวมินทร์ 127 แขวงนวลจนทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. และใช้ไขควงเป็นอาวุธพูดจาข่มขู่จี้เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่นอี 71 ราคาประมาณ 10,000 บาท และเงิน 200 บาทไป นอกจากนี้ยังจับหน้าอกผู้เสียหาย 1 ครั้ง เมื่อผู้เสียหายดิ้นรนต่อสู้ขัดขืนก็ถูกจำเลยชกที่ใบหน้าและตามร่างกายหลายครั้ง สุดท้ายผู้เสียหายก็ดิ้นหลุด หนีลงจากรถโดย รปภ. ละแวกนั้นช่วยเหลือพาเข้าแจ้งความ สน.โคกคราม ติดตามจับกุมแจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้เสียหายเบิกความยืนยันว่าขณะเกิดเหตุแม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ก็มีแสงสว่างจากบ้านเรือนส่องเข้ามาในรถ สามารถมองเห็นและจดจำใบหน้าจำเลย ทั้งยังมีโอกาสพูดคุยกันเป็นเวลานาน ทั้งผู้เสียหายไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองที่จะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาจำคุกฐานชิงทรัพย์ฯ 12 ปี, ฐานกระทำอนาจารจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 13 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้ 6 ปี 6 เดือน และให้จำเลยคืนทรัพย์สินมูลค่า 10,200 บาท รวมทั้งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายที่ขาดรายได้อีก 5,139 บาทด้วย
