กองปราบฯ รวบตัว “จ่าดำ” สายตำรวจล่อซื้อยาเสพติด จ.นนทบุรี หลอกหลวงเจ้าของร้านชำย่านบางบัวทอง อ้างรู้จักนายตำรวจกองปราบฯ และจะช่วยประกันตัวบุตรชายในคดียาเสพติดซึ่งถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำได้ ก่อนเชิดเงิน 1.2 แสนหลบหนีไปกลางกองปราบปราม รับสารภาพก่อเหตุมาแล้วนับไม่ถ้วน โดยฝึกพฤติกรรมเลียบแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แนบเนียนเพื่อใช้ในการหลอกลวงเหยื่อจนตายใจ และมีประวัติอาชญากรติดคุกมาแล้วทั้งคดีฉ้อโกง-รับของโจร-ลักทรัพย์
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป.และ พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ สว.กก.1 บก.ป.ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายมานิตย์ นิรันพันธ์ หรือแมว หรือจ่าดำ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/110 ซ.ซิเมนต์ไทย แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2801/2550 ลงวันที่ 14 ก.ย. ข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และก่อเหตุหลอกลวงเจ้าของร้านชำย่านบางบัวทองว่าชื่อ “จ่าดำ” และรู้จักกับตำรวจกองปราบปราม ตำแหน่งสารวัตร สามารถช่วยประกันลูกชายในคดียาเสพติดได้ ก่อนพามาปล่อยที่โรงอาหารกองปราบแล้วเชิดเงิน 1.2 แสนบาทหนีไป พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ 125 สีขาว-น้ำเงิน และหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำอีก 1 ใบ โดยจับกุมตัวได้ที่ ปากซอยประดับสุข ซ.5 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ทั้งนี้ เมื่อเช้าวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา นายมานิตย์ได้ไปซื้อบุหรี่ภายในร้านขายของชำของ นายวุฒิชัย ทองแป้น อายุ 62 ปี ที่บ้านเลขที่ 189/158 หมู่บ้านหงษ์ประยูร หมู่ 1 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ระหว่านั้นผู้ต้องหาได้ยินนายวุฒิชัยและภรรยากำลังปรับทุกข์กันเรื่องลูกชาย คือ นายอาทิตย์ ทองแป้น อายุ 30 ปี ที่ถูกจับกุมคดีครอบครองยาบ้า 23 เม็ด ยาไอซ์ 2 กรัม ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดนนทบุรีมาเป็นเวลาเดือนกว่าแล้วและลูกชายกำลังป่วยหนักอยากประกันตัวออกมารักษาตัวที่บ้าน แต่ต้องประกันตัวในวงเงิน 8 แสนบาท แต่ทั้งสองไม่มีเงินมากพอ ระหว่างนั้นนายมานิตย์ทำทีรับโทรศัพท์มือถือและพูดคุยกับปลายสายเสียงเป็นผู้ชายโดยเปิดเสียงออกลำโพงให้ผู้เสียหายและภรรยาได้ยิน ซึ่งปลายสายได้บอกให้ผู้ต้องหารีบมาช่วยประกันตัวผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติด เมื่อผู้เสียหายได้ยินดังนั้นก็ได้เข้าไปสอบถามนายมานิตย์ทันทีเพราะอยากจะขอความช่วยเหลือในเรื่องประกันตัวบุตรชาย
จากนั้น นายมานิตย์ก็ทำทีอ้างตัวว่าชื่อ “จ่าดำ” เป็นตำรวจอยู่ สภ.บางบัวทอง และอ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่งที่อยู่กองปราบปรามสามารถช่วยประกันบุตรชายได้เพียงแค่ 9 หมื่นบาทเท่านั้น เมื่อตกลงกันแล้วภรรยาผู้เสียหายก็ไปเบิกเงินที่ธนาคารจำนวน 1.2 แสนบาท พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จากนั้นนายมานิตย์ก็ขี่จักรยานยนต์พาผู้เสียหายพร้อมเงินสดและเอกสารมาหาสารวัตรที่กองปราบปราม ก่อนให้ผู้เสียหายยืนรอที่หน้าโรงอาหารแล้วขับรถหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม กระทั่งชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ตามจับกุมได้ดังกล่าว
สอบสวนนายมานิตย์รับสารภาพว่าเคยเป็นพลทหารอยู่ที่ จ.ลพบุรี เมื่อลาออกมาก็มาเป็นสายยาเสพติดให้กับตำรวจหลายโรงพัก เช่น สน.ประชาชื่น สภ.ปากเกร็ด สภ.บางบัวทอง และ กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นนทบุรี และเคยถูกจำคุกที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานครในคดีฉ้อโกงและรับของโจร เมื่อปี 2539 เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน แล้วยังเคยถูกจำคุกคดีฉ้อโกงและลักทรัพย์เมื่อ ปี 2548 เป็นเวลา 3 ปี 9 เดือนเพิ่งออกมาเมื่อประมาณปี 2551 จากนั้นก็มาเป็นสายให้ จ่าดำ ที่ สภ.บางบัวทอง แล้วก็อ้างชื่อจ่าดำ หลอกลวงผู้ต้องหามาหลายคดี โดยก่อเหตุภายในกองปราบปราม 2 คดี คือ หลอกผู้เสียหายรายหนึ่งว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม ต้องการขายปืนในราคาถูก เหยื่อหลงเชื่อส่งมอบเงินให้ และนัดมอบปืนกันภายในกองปราบปราม ก่อนที่จะเชิดเงิน 1 หมื่นบาทหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว แต่เหยื่อไม่ได้แจ้งความไว้ ล่าสุดก่อคดีหลอกนายวุฒิชัยเรื่องประกันตัวบุตรชาย
นายมานิตย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังหลอกว่าเป็นตำรวจตามโรงพักต่างๆ เช่น สน.พญาไท สน.บางซื่อ โดยก่อนหน้านี้ยังเคยก่อคดีลักทรัพย์ และรับของโจร 4 คดี หลอกคนรู้จักให้ซื้อรถกระบะได้เงินสดไปกว่า 2.2 แสนบาท อีกทั้งยังเคยก่อเหตุหลอกอดีตนายจ้างที่บ้านร่มเงาไม้ ย่านบางบัวทอง ให้ซื้อโน้ตบุ๊ก ได้เงิน 1 หมื่นบาท หลอกเอาเงินจากร้านนวดสมุนไพรย่านดอนเมือง ซื้อโทรศัพท์แล้วเอาเงินไป 1 หมื่นบาท หลอกซื้อโน้ตบุ๊กที่กรมศุลกากรย่านคลองเตย และหลอกให้ซื้อจักรยานยนต์ว่าเป็นรถราคาถูกที่ได้จากการประมูลอีก 1 หมื่นบาทเมื่อเดือน มี.ค. 2555 ที่ผ่านมา รวมทั้งเคยหลอกลวงอดีตภรรยาเสี่ยน้อย ย่านบางคูรัด ปากซอย 43 ซึ่งขายของชำเมื่อปี 2554 อีกด้วย
“ผมอยู่กับตำรวจมานาน ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้แนบเนียน ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ ส่วนเรื่องการทำท่าวันทยหัตถ์นั้น ก็ทำมาทุกแยกที่มีตำรวจจราจรอยู่ ตำรวจที่อยู่ตามแยกก็ทำท่าวันทยหัตถ์กลับมาแล้วบอกว่าพวกเดียวกันไปได้ ส่วนที่กองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ นั้นผมก็ทำทีทักทายนายดาบท่านหนึ่ง “ว่าไงลูกพี่” เขาก็ยิ้มให้ ทั้งนี้เงินที่หลอกลวงชาวบ้านมาได้นั้นนำเงินไปเล่นพนันฟุตบอล และแทงสนุกเกอร์ ส่วนเงินของนายอาทิตย์ 1.2 แสนบาทนั้นเหลือแค่ 1.5 หมื่บาทเท่านั้น” นายมานิตย์กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า การกระทำของผู้ต้องหาถือว่าแนบเนียนมาก เขาเป็นสายให้ตำรวจรู้ว่าจะใช้อุบายหลอกเหยื่ออย่างไร ทั้งนี้หากผู้เสียหายรายใดเคยถูกกหลอกลวงลักษณะดังกล่าวให้เข้ามาดูตัวผู้ต้องหาได้ที่กองปราบปรามตลอดเวลา ส่วนผู้ต้องหารายนี้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป