หนุ่มใหญ่อดีตวิศกรโยธาอุ้มลูกสาววัย 4 ขวบ นั่งประท้วงกลางถนนพระราม 1 ร้อง ผบ.ตร.ให้ตรวจสอบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี อ้างกลั่นแกล้งตนให้ต้องคดีฐานบุกรุก แม้ต่อมาศาลจะตัดสินยกฟ้องแต่กลับมีชื่อในทะเบียนประวัติอาชญากรทำให้ไม่มีใครรับเข้าทำงาน ขู่หากไม่ลบชื่อออกจากทะเบียนประวัติฯ จะฆ่าตัวตายทั้งครอบครัว
วันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนวงศ์ อายุ 45 ปี อดีตวิศวกรโยธา และเจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้าง ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) โดยพาภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ และบุตรสาววัยประมาณ 4 ขวบมายืนถือป้ายประท้วง ใจความว่า ถูกตำรวจกลั่นแกล้งดำเนินคดีจนชีวิตครอบครัวตกระกำลำบาก และขู่จะฆ่าตัวตายทั้งครอบครัวหากไม่ได้พบ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อยู่ที่หน้าประตูอาคาร 1 ตร.นานกว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งมี พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับเรื่องแทน
นายอัจฉริยะกล่าวว่า ตนได้รับงานรับเหมาก่อสร้างอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเขต จ.ปทุมธานี โดยมีนางนัยนา เอี่ยมพัฒนธรรม เป็นผู้ว่าจ้าง เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2551 ได้มีการจ่ายเงินกันเรียบร้อยเป็นงวดๆ เหลืองวดสุดท้าย 200,000 บาท ทางผู้ว่าจ้างไม่จ่ายเงิน ตนเองจึงไม่ก่อสร้างต่อ และได้ขนของออกมาเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2552 แต่ขนของออกมาไม่หมดวันหลังจึงได้ไปขนของออกมาอีก แต่เจ้าของอพาร์ตเมนต์ไม่ยอม จึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ฐานบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์
นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้เรียกตนเองไปสอบปากคำ แต่ได้ทำสำนวนส่งอัยการภายใน 45 วัน ระบุว่ามีพยานหลักฐานชัดเจน ตนเองจึงได้ไปรายงานตัวต่ออัยการ และถูกขัง 1 วันระหว่างที่รอการประกันตัว หลังจากนั้นศาลได้ตัดสินยกฟ้อง หลังจากโดนคดีชีวิตก็ลำบากมาก ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ จากเคยมีเงินทำธุรกิจเป็น 10-20 ล้านบาท ตอนนี้ไม่มีเงินซื้อข้าวให้ลูกกิน ลูกต้องออกจากโรงเรียน เนื่องจากมีประวัติอาชญากรรมติดตัวว่าเคยต้องคดี อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตรวจสอบพนักงานสอบสวน และอดีต ผกก.สภ.ที่เกิดเหตุ ซึ่งพฤติกรรมต้องสงสัยว่าสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าของอพาร์ตเมนต์กลั่นแกล้งตนให้ถูกดำเนินคดีหรือไม่ และขอให้ดำเนินการลบประวัติของตนจากฐานข้อมูลผู้มีคดีอาชญากรรม ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยมาร้องที่จเรตำรวจแห่งชาติมาครั้งหนึ่งแต่ไม่ได้รับความสนใจ จึงต้องการมาเรียกร้องความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและพบ ผบ.ตร. หากไม่ได้รับความสนใจอีกจะประท้วงฆ่าตัวตายทั้งครอบครัว
ต่อมาเมื่อเวลาา 13.30 น. นายอัจฉริยะได้อุ้มบุตรสาวลงไปนั่งกลางถนนพระราม 1 ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้รถที่กำลังสัญจรไปมาต้องหักรถหลบกันจ้าละหวั่น และเป็นเหตุให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้นายอัจฉริยะมาอยู่บริเวณทางเท้าเพราะเกรงจะได้รับอันตราย รวมถึงเพื่อไม่ให้การจราจรต้องติดขัด แต่เจ้าตัวไม่ยินยอม โดยขู่ว่าหาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไม่มารับเรื่องด้วยตนเอง ตนก็จะนั่งอยู่ตรงจุดนี้จนถึง 15.00 น. และหากรถจะชนตนเองก็ยินดีที่จะตาย เพราะที่ผ่านมาตนต้องตกงานเพราะติดแบล็กลิสต์ ไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัว ถึงอย่างไรก็ตาม ตนและครอบครัวก็ต้องตายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าการเจรจาไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจึงตัดสินใจอุ้มนายอัจฉริยะมาสงบสติอารมณ์ที่กองรักษาการณ์ก่อนปล่อยตัวไป