กรรมการบริษัทรื้อถอนอาคารร้องกองปราบฯ ดำเนินคดีต่อกลุ่มทหารนอกคอกยกพวกกว่า 40 นาย บุกทำร้ายร่างกายคนงานก่อสร้างที่กำลังรื้อถอนอาคารร้างย่านถนนพระราม 3 ก่อนขนอุปกรณ์ก่อสร้างมูลค่า 2 แสนบาทหลบหนีไป เผยก่อนหน้านี้เคยถูกข่มขู่เรียกเงิน 40 ล้านบาทมาแล้ว
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. นายธะเร ศรีแสนสุข อายุ 40 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท บางกอกรีไซเคิลแอนด์รียูส จำกัด ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการรื้อถอนอาคารบ้านเรือน เข้าพบ พ.ต.ท.ชวลิต หาญเสน่ห์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายทหารกว่า 40 คนเข้ามาบุกรุกและทำร้ายร่างกายคนงานก่อสร้างที่กำลังรื้อถอนอาคารร้าง ถนนพระราม 3 ใกล้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ และขนอุปกรณ์เครื่องมือก่อสร้างรวมมูลค่า 2 แสนบาทหลบหนีไป
นายธะเรกล่าวว่า อาคารร้างดังกล่าวมี 4 อาคาร สูง 43 ชั้นเป็นของบริษัทพระราม 3 แลนด์ จำกัด แต่เมื่อปี 2552 ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ทำให้อาคารดังกล่าวตกไปอยู่ภายใต้การดูแลของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ซึ่งต้องการรื้อถอนอาคารดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาด จากนั้นทางผู้บริหารบริษัทพระราม 3 แลนด์ มอบอำนาจให้บริษัท ชมรมพิทักษ์สิทธิ์ ผู้ซื้อบ้าน เอส.วี.การ์เด้น จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบในการรื้อถอนซากอาคารร้าง ก่อนมีการเปิดยื่นซองประมูลรื้อถอนอาคารดังกล่าว ปรากฏว่าบริษัทตนชนะการประมูลในราคา 90 ล้านบาท เมื่อจ่ายเงินไปแล้วทางบริษัทจึงนำคนงานไปรื้อถอนโครงสร้างอาคาร เพื่อนำเหล็กเส้นและอุปกรณ์ต่างๆ ไปขายต่อ
นายธะเรกล่าวต่อว่า เมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีทหารยศ ส.อ. ทราบชื่อจ่าอุ๋ย มาหาหัวหน้าคนงานบอกว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทพระราม 3 แลนด์ ต้องจ่ายค่าเสียหายอีกจำนวน 40 ล้านบาทให้กับบริษัท หากไม่ดำเนินการก็จะไม่ให้มีการรื้อถอน ตนจึงให้ลูกน้องไปแจ้งความที่ สน.บางโพงพาง จนเมื่อเช้าวันที่ 11 มิ.ย.มีรถตู้ 3 คันและรถเก๋ง 1 คน วิ่งเข้ามาในเขตการรื้อถอนอาคาร จากนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 40 คนสวมเครื่องแบบทหารอากาศ ทหารเรือ และทหารบก ใส่แจ็กเกตคลุมยศและป้ายชื่อ ถือปืนเข้ามาคุมตัวคนงานก่อสร้างกว่า 50 คน บางคนขัดขืนก็ถูกทำร้าย แล้วยึดมือถือห้ามติดต่อกับใคร พร้อมทั้งข่มขู่คนงานว่า “ไปบอกนายมึงด้วย อยากให้จบต้องมาเคลียร์เงิน” จากนั้นก็ขนกล้องวงจรปิด 16 ตัว คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง สว่านไฟฟ้า 1 ตัว ชุดตัดหัวแก๊ส 25 ชุด รวมมูลค่า 2 แสนบาทแล้วขึ้นรถออกไป
“ขณะเกิดเหตุผมไม่อยู่ที่หน้างาน มาทราบเรื่องก็เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงแล้ว จึงไปแจ้งความที่ สน.บางโพงพาง ในข้อหาบุกรุก ทรัพย์สินสูญหาย ต่อมาไปปรึกษากับทนายความ พฤติการณ์ดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายปล้นทรัพย์มากกว่า จึงมาแจ้งไว้กับตำรวจกองปราบให้ดำเนินการด้วย” นายธะเรกล่าว
ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
