เค้นสอบลูกจ้างทำแท้งเถื่อน จ่อหมายเรียกเจ้าของคลินิก!

ตร.เค้นสอบเพิ่มลูกจ้างทำแท้งเถื่อนย่านคู้บอน เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ พบประวัติเคยถูกจับที่คลินิกทำแท้งย่านรามฯ เมื่อปี 53 จนท.เตรียมรวบรวมหลักฐาน ก่อนนำส่งฟ้องศาลแขวงมีนบุรีพรุ่งนี้ พร้อมเตรียมออกหมายเรียก “หมอแนน” เจ้าของคลินิกมาสอบปากคำเพิ่มเติม

วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.คันนายาว พ.ต.ท.สมเกียรติ สนใจ รอง ผกก.สส.สน.คันนายาว พร้อมด้วย ร.ต.อ.หญิง เสาวลักษณ์ สุวรรณมณี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.คันนายาว ควบคุมตัว น.ส.บุญโสม บุญยิ้ม อายุ 51 ปี มีหน้าที่เป็นคนทำแท้งเถื่อน คันนายาวคลินิกเวชกรรม ย่านคู้บอน ออกจากห้องขังภายใน สน.คันนายาว เพื่อนำตัวมาสอบสวนหารายละเอียดเพิ่มเติม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

พ.ต.ท.สมเกียรติกล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติ น.ส.บุญโสม พบว่าเคยถูกจับที่คลินิกทำแท้งเถื่อน ย่านรามคำแหง 97 เมื่อปี 2553 ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท แต่ได้มี น.ส.ธนภรณ์ หรือหมอแนน โพธิ์พนม อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นนายจ้างของผู้ต้องหามาประกันตัวออกไปด้วยวงเงิน 30,000 บาท แต่ต้องรอลงอาญา 2 ปี

พ.ต.ท.สมเกียรติกล่าวอีกว่า ส่วนนางสายรุ้ง รัฐแสง อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นพนักงานในคันนายาวคลินิกเวชกรรม ก็เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมาแล้ว ในข้อหาทำแท้งเถื่อนเหมือนกัน เมื่อปลายปี 2546 แต่ได้รับการประกันตัวออกมาเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ น.ส.หอมไกล คำหาญ อายุ 25 ปี และ น.ส.รัญจวน ปักษา อายุ 43 ปี ทั้ง 2 คน เป็นผู้ช่วยในการทำแท้งนั้น ไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อนหน้านี้

พ.ต.ท.สมเกียรติกล่าวต่อว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดและหลักฐานพยานต่างๆ ส่งฟ้องศาลแขวงมีนบุรี ในวันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย.) ซึ่งจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับศาล ทั้งนี้ น.ส.บุญโสม และนางสายรุ้ง เคยถูกดำเนินคดีต้องโทษมาก่อนแล้ว หากทางศาลตัดสินว่าผิดจริงจะโดนโทษจำคุกเพิ่ม 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ คําชํานาญ ผกก.ดส.บช.น. เปิดเผยว่า การออกหมายเรียก น.ส.ธนภรณ์ หรือหมอแนน โพธิ์พนม อายุ 46 ปี ซึ่งทางผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นเจ้าของคลินิกมาสอบปากคำเพิ่มเติมนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว จะต้องเป็นผู้ออกหมายเรียก ซึ่งทาง กก.ดส.บช.น ส่งข้อมูลไปให้แล้ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหาข้อมูลและประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบหาคลินิกทำแท้งเถื่อนรายอื่นๆ ในทางลับเพื่อปราบปรามต่อไป