ทนายยัน “ไอ้ตู่” หมดสภาพ ส.ส.ไม่กระทบคดีก่อการร้าย!

“ทนายตู่” ยัน สิ้นสภาพ ส.ส.ไม่กระทบประกันตัวคดีก่อการร้าย ระบุใช้เงินสด 6 แสนยื่นประกันตั้งแต่แรก ไม่ต้องไปศาลเปลี่ยนหลักทรัพย์ใหม่ มั่นใจขึ้นปราศรัยรำลึก 2 ปี 19 พ.ค. ไม่ผิดเงื่อนไขศาล ด้านอธิบดีศาลอาญา เตรียมตรวจสอบหลักประกัน “จตุพร” คดีก่อการร้าย หากใช้ตำแหน่ง ส.ส. ต้องมารายงานตัว 21 พ.ค.นี้ หลังศาล รธน.วินิจฉัยให้พ้นสภาพ ส.ส.หากไม่มาออกหมายเรียก แต่หากใช้หลักทรัพย์อื่นถือว่าหลักประกันไม่ขาด

วันนี้ (20 พ.ค.) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. และจำเลยคดีก่อการรร้าย กล่าวถึงหลักทรัพย์ที่ใช้ในการประกันตัวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ส.ค.54 ที่นายจตุพร ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในคดีร่วมกับแกนนำและแนวร่วม นปช. ก่อการร้ายนั้น ทีมทนายความได้ใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดยื่นคำร้องต่อศาล โดยนำเอกสารรับรองความเป็น ส.ส.ที่ได้จาก กกต.ซึ่งประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ส่งให้ศาลประกอบการพิจารณาขอปล่อยตัวด้วยว่า เมื่อนายจตุพรได้รับเลือกตั้งแล้วจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ซึ่งศาลพิจารณาแล้วก็อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพร โดยตีราคาประกัน 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ทีมทนายความจึงได้ใช้เงินสด 6 แสนบาทยื่นเป็นหลักทรัพย์ต่อศาล ไม่ใช่ใช้ตำแหน่ง ส.ส.แต่อย่างใด ดังนั้น แม้ว่าล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องความสิ้นสภาพความเป็น ส.ส.ของนายจตุพร ก็ไม่ได้กระทบต่อหลักประกัน และในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ค.) นายจตุพร ก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปศาลเพื่อเปลี่ยนหลักทรัพย์แต่อย่างใด

เมื่อถามว่า หากศาลจะออกหมายเรียก เพื่อตรวจสอบหลักทรัพย์ในการปล่อยตัวชั่วคราวที่ผ่านมา จะเดินทางไปหรือไม่ นายวิญญัติ ทนายความ กล่าวว่า หากศาลมีหมายเรียกก็พร้อมจะเดินทางไปศาล เพราะถือว่าเราต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวที่ผ่านมา แต่ขอย้ำแม้วันนนี้นายจตุพร จะไม่ได้เป็น ส.ส. แล้วแต่สถานะการประกันของนายจตุพรที่ผ่านมาไม่แตกต่างจากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หรือแกนนำคนอื่นๆ ซึ่งศาลตีราคาประกันคนละ 6 แสนบาท แต่หากศาลจะพิจารณาว่าจะปรับเงื่อนไขของการประกันตัวในเรื่องที่ห้ามออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตก็เป็นได้ เพราะการปล่อยตัวชั่วคราวครั้งแรกไม่ได้กำหนดเรื่องนี้ไว้

เมื่อถามว่า ส่วนที่นายจตุพร ขึ้นปราศรัยเวทีคนเสื้อแดงที่จัดงานรำลึก 2 ปี เหตุการณ์ 19 พ.ค.53 ที่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา จะผิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้ในการปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ นายวิญญัติ ทนายความกล่าวว่า ไม่ผิดเนื่องจากเป็นการพูดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นลักษณะของการรำลึก ไม่ใช่การปลุกระดมอะไร ซึ่งเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้คือ กระทำการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อความสงบเรียบร้อย แต่เราเคยยื่นคำร้องให้ศาลตีความ ซึ่งศาลไม่ได้ห้ามการขึ้นปราศรัย แต่ห้ามไม่ให้กล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดี หรือลักษณะการชี้นำทางคดี ดังนั้น ถ้าหากมีฝ่ายใดที่จ้องดูอยู่ว่านายจตุพรขึ้นปราศรัยแล้วจะผิดเงื่อนไขต้องยื่นคำร้องประกันตัวอีกหรือไม่ ทีมทนายความได้เตือนนายจตุพร และแกนนำทุกคนที่ขึ้นปราศรัยไว้แล้วให้ระมังดระวังด้วยอย่ากล่าวอะไรที่กระทบต่อคดี ซึ่งหากจะมีการตีความว่า การพูดย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 19 พ.ค.53 แล้วถือว่าเกี่ยวข้อง ก็ดูจะเป็นการตีความที่เป็นผลร้ายเกินไป

ขณะที่ นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า ตอนที่นายจตุพรได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างต่อสู้คดีนั้น ตนยังไม่เข้ารับตำแหน่ง จึงไม่ทราบว่านายจตุพร ใช้หลักทรัพย์ใดยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ถ้าหากนายจตุพร ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ขอประกัน แต่ขณะนี้ความเป็น ส.ส.ของนายจตุพร หมดสิ้นไป ก็ถือว่าหลักประกันที่วางต่อศาลหมดไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น นายจตุพร จึงจะต้องเดินทางมารายงานตัวต่อศาลเพื่อหาหลักทรัพย์ใหม่มาวางประกันแทน อาจจะใช้โฉนดที่ดินหรือตำแหน่ง ส.ส.ของเพื่อนก็ได้ แต่ถ้าในกรณีที่นายจตุพร ได้รับการประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์อื่นวางประกันศาลอยู่ก่อนแล้ว แม้นายจตุพร จะสิ้นสภาพความเป็น ส.ส.ก็ไม่ทำให้การประกันตัวขาดไป ยกเว้นว่าศาลจะกำหนดเงื่อนไขที่ผูกผันกับความเป็น ส.ส.

นายทวี กล่าวถึงการยื่นคำร้องถอนประกันตัวนายจตุพร ว่า เป็นหน้าที่ของคู่ความคือ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือพนักงานอัยการโจทก์ ที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนประกัน ถ้าหากมีพฤติการณ์หลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปก่อความเสียหายร้ายแรง เพราะสถานการณ์การให้ประกันตัวเปลี่ยนแปลงไป เหมือนก่อนหน้านี้ที่ดีเอสไอเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลถอนประกันนายจตุพร ซึ่งหากมีการยื่นคำร้องเข้ามาก็จะเป็นหน้าที่ของรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาจำนวน 3 คน ที่ได้รับมอบหมาย ร่วมกันพิจารณาคำร้องว่าจะมีคำสั่งให้ถอนประกันหรือไม่ หรือจะเรียกคู่ความมาไต่สวนก่อนมีคำสั่งก็ได้ ซึ่งอยู่ๆ ศาลคงไม่ไปถอนประกันจำเลยเองไม่ได้เพราะศาลต้องคุ้มครองสิทธิของจำเลยด้วย เว้นแต่ปรากฏโดยชัดแจ้งตามสื่อ หรือปรากฏข้อเท็จจริงโดยปราศจากข้อสงสัย ว่าจำเลยได้ประกันตัวแล้วไปกระทำผิดเงื่อนไข ทำให้เกิดผลเสียหาย ศาลอาจมีหมายเรียกมาไต่สวนเองได้ทันที

“ในวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม ผมจะไปตรวจสอบหลักประกันของนายจตุพร และเงื่อนไขที่ศาลได้ให้ประกันไปอีกครั้ง ว่านายจตุพรใช้หลักทรัพย์ใดในการขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งนายจตุพร ย่อมรู้ดี ถ้าหากใช้ตำแหน่ง ส.ส. นายจตุพรก็จะต้องมารายงานตัวต่อศาลเองในวันจันทร์ เพราะไม่มีหลักประกัน เพื่อมาขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่หากไม่มาศาลจะออกหมายเรียกมาพบ”