ตำรวจกองปราบปล่อยตัว"การุณ ใสงาม"แล้วหลังถูกจับสอบปากคำกว่า 22 ชั่วโมง ระบุตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ชี้ให้เป็นคดีตัวอย่างและถือเป็นการจับที่แปลกพิสดารที่ลากรถจากบุรีรัมย์มากองปราบ ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่กำลังปรึกษาทนาย รวมถึงรถยนต์ที่เสียหายจากการที่จนท.งัดเข้ามาจับ
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณ หน้ากองปราบปรามภายหลังเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายการุณ ใสงาม แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่าพนักงานสอบสวนได้เริ่มสอบปากคำนายการุณ โดยนายการุณมีท่าทีอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด พร้อมทั้งปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้บริเวณหน้ากองปราบปราม มีประชาชนราว 30 คนใช้รถขยายเสียง2 คันขึ้นปราศรัยให้กำลังใจนายการุณ พร้อมทั้งวิพากวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและโจมตีรัฐบาลอีกด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ ปรึกษา (สบ.10 ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ได้มาตรวจดูความเรียบร้อยของคดี ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายการุณ ใสงาม แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และแจ้งข้อหาให้ทราบเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจะทำบันทึกการปล่อยตัวก่อนนำไปลงประจำวันแล้วปล่อยตัวไปตามคำสั่งของพนักงานอัยการ โดยไม่ต้องยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เนื่องจากนายการุณได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในกรณีนี้ทางอัยการได้แจ้งมายังพนักงานสอบสวนให้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่กลุ่มพันธมิตรฯเท่านั้น
"เจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามคำสั่งอัยการไม่ใช่ไปสั่งแจ้งข้อหาเพิ่มเองโดยพละการซึ่งนายการุณก็น่าจะเข้าใจ ทั้งนี้เมื่อนายการุณ ออกมาจากรถ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ประสานแพทย์ให้ทำการตรวจร่างกายว่าพร้อมจะให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนหรือไม่ พอแพทย์ลงความเห็นว่านายการุณ จะต้องพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงทางเราก็อนุญาตให้พักผ่อนจนสภาพสมบูรณ์ที่สุดก่อนนำมาสอบปากคำ และให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการแจ้งข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆเพิ่ม แต่ทราบมาว่า ที่ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ มีการแจ้งความคดีดังกล่าวแก่นายการุณ ซึ่งแยกคนละส่วนกับคดีที่ตนรับผิดชอบอยู่ อย่างไรก็ตามในคดีชุมนุมที่สานมบินของกลุ่มพันธมิตรฯนั้นผู้ต้องหาที่ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม จำนวน 46 คน มารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้ว โดยนายการุณ เป็นรายสุดท้าย
ด้าน นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า เมื่อวานเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมนายการุณ โดยที่ไม่ได้แจ้งข้อหา ซึ่งขณะนั้น นายการุณ ขออนุญาตเข้าบ้านไปอาบน้ำแต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม นอกจากนี้น้องสาวนายการุณ มาขอรถกระบะที่ถูกยึดคืน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธ ซึ่งตนอยากถามกลับไปว่าตำรวจจะรับผิดชอบไหมกรณีที่รถยนเสียหาย ซึ่งทราบมาว่าระบบแก๊สเสีย กรณีเจ้าหน้าที่มูลนิธิเอากุญแจผีมาไขรถชาวบ้านผิดกฏหมายไหม และอยากถามกลับไปว่าตำรวจทำไมต้องไปรับใช้นักการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายการุณ ใสงาม นั้น ได้ถูกพนักงานอัยการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาทำลาย ทำให้เสียหายร้ายแรงต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานฯ พ.ร.บ.ความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2521
ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้ากองปราบปราม มีประชาชนราว 30 คนใช้รถขยายเสียงขึ้นปราศรัยให้กำลังใจนายการุณ แต่ส่วนใหญ่เป็นไปในการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เสียมากกว่า
ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อธิบดีอัยการคดีอาญา กล่าวถึงขั้นตอนว่า หลังตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัว นายการุณ ใสงาม ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาและสอบคำให้การเพิ่มเติมตามที่อัยการให้ดำเนินการ จากนั้นทางพนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนการสอบปากคำที่แจ้งข้อหาเพิ่มเติมมาให้ โดยไม่จำเป็นต้องนำตัวผู้ต้องหามาส่งอัยการ จนกว่าอัยการจะนัดฟังคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ ทั้งนี้หากอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง จึงจะนัดตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาลต่อไป
นอกจากนี้ สำนวนคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนทั้งหมด 114 ราย ที่อยู่ในชั้นอัยการนั้น ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะนัดสั่งคดีเมื่อใด โดยสำนักงานอัยการได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาสำนวนทั้งหมด และกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบสำนวน แต่สำนวนที่อัยการสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา 10 คนนั้น ยังส่งกลับมาไม่ครบ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมาแล้วก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อมีความเห็นในการสั่งคดีต่อไปโดยเร็ว
ต่อมาเมื่อ 17.00 น. พนักงานสอบสวน ได้ปล่อยตัว นายการุณ ใสงาม หลังจากสอบสวนนายการุณเป็นเวลามากกว่า 22 ชั่วโมง โดยนายการุณ มีสีหน้า ดูสดชื่นกว่าเมื่อวานนี้ ระหว่างที่นายการุณเดินลงบันไดจากห้องสอบสวนได้มีกลุ่มคนที่สนับสนุนนายการุณ ประมาณ 10 คน ได้ส่งเสียงร้องว่า “การุณได้รับอิสรภาพแล้ว”
นายการุณ กล่าวว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ทำให้มันเอิกเกริก ก่อนจับตัวตนขอกลับลบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเพราะเพิ่งกลับมาจากไร่ แต่ก็ถูกล้อมไว้ ทั้งนี้ที่ตนไม่เข้ามอบตัวก่อนหน้านี้เหมือนพี่น้องที่ถูกตั้งข้อหาคนอื่นๆนั้นเพราะตนต้องการต่อสู้กับกระบวนการยุติธรรม อยากให้เป็นคดีตัวอย่าง อย่างไรก็ตามชีวิตตนแสวงหาความยุติธรรมมาตลอดเพราะความยุติธรรมในสังคมหายากเหลือเกิน ซึ่งการจับกุมก็แปลกพิสดาร ลากรถตนมาตั้งแต่บุรีรัมย์ นอกจากนี้การตั้งข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ผิดรูปแบบ มีการตั้งข้อกล่าวหาที่เกินความจริง และต้องการเอาผิดกับตนทางกฎหมายอาญา เป็นการกระทำที่มิชอบ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ควรที่จะปรับปรุงสติปัญญาของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร่งด่วน ส่วนการจะฟ้องร้องกลับนั้น กำลังปรึกษากับเพื่อนที่เป็นทนายอยู่ ซึ่งจะมีการฟ้องร้องในภายหลัง ทั้งนี้ ความเสียหายของรถจะมีการตรวจดูว่ามีความเสียหายเท่าไร