ตำรวจยังคงเร่งหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุระหว่างรถปอร์เช่ กับโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่ชนกันจนเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย ระบุ พอร์ซซิ่งเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด ขณะที่ฟอร์จูนเนอร์ ไม่พบว่าซิ่งนรก คาดอีก 2 วันรู้ผล
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิรัตน์ ปรักกมะกุล ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการปอร์เช่ บริษัท เอเอเอสออโต้ เซอร์วิส จำกัด ร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบทางเทคนิคแผงหน้าปัดวัดความเร็วรถ รอบรถ ระดับน้ำมัน และความร้อน ของรถปอร์เช่ ที่เกิดอุบัติเหตุกับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ บนโทลล์เวย์ขาออกโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
พล.ต.ท.จรัมพรกล่าวว่า ได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคของผู้นำเข้ารถยี่ห้อปอร์เช่ พบว่า ปกติแล้วเมื่อระบบไฟฟ้าตัด เข็มวัดเลขไมล์ต่างๆ ของรถจะต้องกลับมาอยู่ที่เลข 0 จึงต้องเชิญนักเทคนิคมาร่วมตรวจสอบร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของ พฐก. เพื่อดูว่าประเด็นความเร็วที่แท้จริงของรถปอร์เช่ในช่วงเกิดอุบัติเหตุเป็นเท่าใด เนื่องจากความเร็วเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น รถ
ปอร์เช่ขับมาด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว นอกจากนี้ จะตรวจสอบด้วยว่า เหตุใดเมื่อระบบไฟฟ้าตัดแล้ว เข็มวัดระดับต่างๆ ไม่กลับไปอยู่ที่เลข 0 ซึ่งเจ้าหน้าที่เทคนิคของรถปอร์เช่เองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องมีการตรวจสอบเรือนหน้าปัด ขณะที่ต่างประเทศเองก็ไม่มีตัวอย่างการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงขนาดนี้เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างให้ประเทศไทยได้
พล.ต.ท.จรัมพรกล่าวต่อว่า คาดว่าภายใน 2 วัน จะสามารถส่งหลักฐานให้พนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป ทั้งนี้ ได้นำเรือนหน้าปัดของรถปอร์เช่มาตรวจสอบเพียงคันเดียว ส่วนรถโตโยต้าไม่พบประเด็นเรื่องความเร็ว นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดผู้ขับขี่ด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสามารถบ่งบอกพฤติกรรมการขับรถเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับประชาชนได้