“เหลิม” นำทีมแถลงโชว์จับคดียาเสพติด 3 รายซ้อนในพื้นที่ บก.น.3 บก.น.7 และ บก.น.9 ยึดของกลางยาบ้ารวม 6.8 แสนเม็ด ยาไอซ์ 15 กิโลกรัม พร้อมจับผู้กระทำผิดได้ 4 ราย
วันนี้ (2 พ.ค.) เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บํารุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศํกดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ ผบก.น.3, น.7, น.9 ร่วมแถลงการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด จำนวน 3 คดี
คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม สามารถจับกุม น.ส.ธัญญาเรศ หรือโอ๋ สำราญมาก อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 6 ต.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พร้อมของกลางยาบ้า 250 มัด รวม 500,000 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 8 กิโลกรัม รวมมูลค่ายาเสพติด 124 ล้านบาท และอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ (ลูกซองเบอร์ 12) จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 8 นัด โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 150/113 หมู่บ้านสินทวีแกรนด์ วิลเลจ ซ.อนามัยงามเจริญ 19 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม.
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.ท่าข้าม สืบทราบว่ามีการขนยาเสพติดครั้งใหญ่จากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน (ท่าขี้เหล็ก) มาซุกซ่อนในเขตพื้นที่ดังกล่าว และเมื่อมีโอกาสจะนำมาออกจำหน่ายให้กับผู้ค้ารายย่อย จากข้อมูลเชิงลึกทราบว่า บ้านเลขที่ 150/113 หมู่บ้านสินทวีแกรนด์ เป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดและจำหน่ายยาเสพติด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว และสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายกฤษดา สำราญมาก สามีของ น.ส.ธัญญาเรศ นำยาเสพติดที่ซุกซ่อนไว้ที่บ้านหลังดังกล่าวออกมาเพื่อจำหน่าย โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายจับนายกฤษดาตามหมายจับศาลอาญา ธนบุรี ที่ 238/2555 ลง 1 พ.ค.55 ซึ่งสำนวนคดีอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย พร้อมนำตัวและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.7 จับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ คือ นายเอกชัย หรือเอก จองเดิน อายุ 29 ปี และ น.ส.วิภาวดี หรือเอ๋ ผลสวัสดิ์ อายุ 29 ปี พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 186,000 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) 4 กิโลกรัม รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฎถ 3263 กทม. โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง อาวุธปืนอัดลมยาว 1 กระบอก บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และสมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม โดยเป็นชื่อบัญชีของ น.ส.วิภาวดี ทั้งหมด
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายเอกชัย และ น.ส.วิภาวดี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด และจะมีการนัดส่งยากันที่บริเวณหน้าวัดราชาธิวาสวรวิหาร เขตดุสิต จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนตามลักษณะที่ได้แจ้งไว้ จึงแสดงตัวขอตรวจค้นจนเจอของกลางดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดจริง และมียาเสพติดเก็บไว้ที่ห้องพักบ้านเลขที่ 5 ซ.วัดราชาธิวาส ถ.สามเสน 9 แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม. จึงนำกำลังไปตรวจค้นพบของกลางเพิ่มเติม ซึ่งผู้ต้องหาได้เป็นเครือข่ายของนายอดิศร หรืออบ ศรีสุข โดยนายอดิศรจะโทรศัพท์มาหาผู้ต้องหา เพื่อที่นำยาเสพติดจากนายแม็ก (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) มาพักไว้ที่ห้องพักของผู้ต้องหาดังกล่าว หลังจากนั้นนายอดิศรจะโทรศัพท์ให้นายแม็ก นายแดง และนายน๊อต (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) มารับยาเสพติดจากผู้ต้องหาไปจำหน่ายให้กับลูกค้าต่อไป ส่วนรถยนต์ของกลาง ผู้ต้องหายอมรับว่าได้นำเงินบางส่วนที่ซื้อขายยาเสพติดไปซื้อมาจึงได้ทำการยึดไว้ ทั้งนี้ สำหรับนายอดิศรกับพวกที่อยู่ระหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนตามจับกุมต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีสุดท้าย เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.3 จับกุมตัวนายวสุพล หรือไมค์ แก้วกระจ่าง อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 66/2 หมู่ที่ 2 ต.ยายแพง อ.บางคนที่ จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์เกล็ดสีขาว จำนวน 3.117 กิโลกรัม เครื่องชั่งน้ำหนักยี่ห้อทานิต้า 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายวสุพล ลักลอบค้ายาไอซ์ที่บริเวณลานจอดรถใต้อาคารเดอะคิดเอ๊กซ์เพลส 2 รัชดาภิเษกซอย 19 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.และบริเวณใกล้เคียง จึงได้สืบสวนและติดต่อล่อซื้อยาไอซ์ทางโทรศัพท์เป็นจำนวน 1 ขีด ในราคาขีดละ 140,000 บาท โดยนัดหมายที่แหล่งรับของบริเวณลานจอดรถดังกล่าว เมื่อผู้ต้องหาปรากฏตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงเข้าจับกุม พร้อมขยายผลตรวจค้นห้องพักที่วีเอ็นเพลส เลขที่ 245 ห้อง 41 ซ.วิภาวดี 16/5 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. พบของกลางยาไอซ์อีกจำนวน 3 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกล่องกระดาษวางอยู่ข้างเตียงนอน และยาไอซ์อีก 17 กรัม บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสชนิดปิดเปิด
จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้นได้ให้การซัดทอดว่าได้รับของกลางดังกล่าวมากจากนายบอย ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนจับกุม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดเงินของนายวสุ เป็นจำนวน 800,000 บาท และจะทำการขยายผลเพื่อยึดทรัพย์ต่อไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมนำตัวและของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การจับกุมยาเสพติดครั้งใหญ่นี้เป็นผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้การทำงานของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลยุคที่แล้วไม่ทำ เอาแต่ปราบปรามคนเสื้อแดง แต่รัฐบาลชุดนี้เอาจริง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะต่ออายุราชการให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไม่เอาแล้ว เพราะเหนื่อย อยากพักผ่อนบ้าง ส่วนกฎหมายจะทำได้หรือไม่นั้น ยังไม่ได้ศึกษา ส่วน ผบ.ตร.คนต่อไปจะต้องเป็นตำรวจที่ปราบปรามยาเสพติดเก่งหรือไม่นั้น เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะพูดได้ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. ส่วนจะให้เป็นรองนายกฯ หรือไม่ คงต้องให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ของกองทัพและกะเหรี่ยงโกะทูบลอ หรือ KAO ซึ่งศาลไทยออกหมายจับและขึ้นบัญชีเป็นนักค้ายาที่ทางการไทยต้องการตัวมาดำเนินคดีว่า เรื่องนี้ศาลไทยได้ออกหมายจับไปตั้งแต่ปี 2546 แล้ว จึงน่าเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานจนศาลออกหมายจับได้แล้ว