เจ้าหน้าที่เอฟบีไอสหรัฐฯ ให้ความรู้ 48 นายตำรวจระดับผู้กำกับฯ ขึ้นไป โดยเน้นข้อมูลเกี่ยวกับการต่อต้านก่อการร้าย การสืบสวนฯ ด้วยเทคโนโลยี เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าใจในการปฏิบัติงาน ย้ำตำรวจไทยมีแผนป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำรอยวางระเบิดกลางกรุง ปรับปรุงระบบตรวจคนเข้าเมือง สุ่มตรวจและเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัยเข้าออกอย่างเข้มงวด
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ10) เดินทางมาเป็นประธานเปิดโครงการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการต่อต้านก่อการร้ายในหัวข้อ การจัดกำลังร่วมในการต่อต้านก่อการร้าย โดยมีนายแดเนียล พาวเวอร์ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมาย สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มาเป็นผู้บรรยาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้กำกับขึ้นไปในสังกัด สตช.ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย จำนวน 48 นาย เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในโครงการดังกล่าว
พล.ต.อ.วรพงษ์เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเน้นเรื่องความร่วมมือกันในการทำงาน ทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาอื่นๆ ที่สำคัญ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เอฟบีไอได้มาบรรยายเรื่องการสืบสวนและเรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน ซึ่งการอบรมจะเน้นเรื่องการทำงานร่วมกันกับหลายหน่วยงาน สำหรับการจัดตั้งโครงการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการจับกุมชาวอิหร่านที่มาก่อเหตุในประเทศไทย แต่เหตุผลสำคัญเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการทำงาน เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มก่อการร้ายมีการเชื่อมโยงกันในหลายประเทศ จึงเป็นที่มาว่าหลังเกิดเหตุจะมีวิธีการประสานงานกันอย่างไร เพื่อดำเนินการจับกุมคนร้ายได้รวดเร็วที่สุด
พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวอีกว่า การที่ชาวต่างชาติมองเมืองไทยเป็นแหล่งพักพิงก่อการร้ายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการวางแผนป้องกันไว้รองรับแล้ว โดยได้ปรับปรุงระบบสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เช่น การสุ่มตรวจเป็นรายบุคคลว่าในรอบสัปดาห์เดินทางเข้าประเทศไทยมากี่ครั้ง พักอาศัยอยู่ที่ใด มีการแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตรงกับที่พักปัจจุบันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ทำการสุ่มตรวจเป็นรายบุคคลทุกวัน โดยหลังจากที่ชาวอิหร่านได้มาก่อเหตุวางระเบิดในย่านสุขุมวิท ในประเทศไทย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ต้องสงสัยอยู่บ้าง
