ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา เผย คดีคาร์บอมบ์ยะลามีความคืบหน้ามาก มั่นใจจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ล่าสุด รวบผู้ต้องสงสัยแล้ว 1 เตรียมขยายผล
หลังจากที่วานนี้ (3 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ยะลา 11 สนธิกำลังชุดสืบสวนคดีสำคัญตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองยะลา และฝ่ายปกครองจำนวนกว่า 150 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายชุมชนโรงเรียนตาร์เบียตุลวาตันมูลนิธิ หมู่ 1 บ.พงรือไร ต.บันนังสาเร็ง อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งสามารถตรวจยึดอุปกรณ์ที่คาดว่าใช้ประกอบระเบิดได้หลายรายการ โดยเฉพาะ เหล็กเส้นตัด แผงวงจรอีเล็กทรอนิกส์ ได้ที่บ้านเลขที่ 89/6 บ.พงยือไร หมู่ 1 และที่บ้านไม่มีเลขที่ใกล้กัน พบลวดเชื่อมโลหะ สายไฟ รวมถึงถังแก๊สสภาพใช้งานแล้ว 17 ถัง อยู่ภายในบ้านเลขที่ 89/34 บ.พงยือไร หมู่ 1 เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดสิ่งของที่พบเอาไว้ทั้งสิ้น 22 รายการ รวมทั้งทำการตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน
ความคืบหน้าด้านคดีล่าสุด เมื่อวันนี้ (4 เม.ย.) เวลา 08.45 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าด้านคดีนั้นมีความคืบหน้ามาก โดยเฉพาะหลักฐานด้านคดี ที่ทำให้ทราบจุดเริ่มต้นของรถที่ประกอบระเบิด และได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายดังกล่าว ก็ได้พยานวัตถุจำนวนมาก ที่น่าเชื่อว่าจะสามารถเชื่อมโยงถึงผู้กระทำความผิดได้ ส่วนข่าวการควบคุมผู้ต้องสงสัยนั้นก็ขอไม่เปิดเผยในขณะนี้ ทั้งนี้ การเชื่อมโยงเหตุของยะลากับที่หาดใหญ่นั้น พบว่ารถที่นำมาใช้ก่อเหตุ เป็นรถที่ชิงทรัพย์มาจากในพื้นที่ ส่วนการประกอบระเบิดยังไม่ยืนยันว่าเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอหลักฐานที่ชัดเจน
พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา กล่าวว่า ส่วนพยานหลักฐานที่พบในขณะนี้นั้น จะต้องรอผลพิสูจน์เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ก็จะสามารถออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ซึ่งจากข้อมูลเดิมก็จะเป็นกลุ่มเดิมๆ ในพื้นที่ แต่มีความมั่นใจที่จะสามารถออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้แน่นอน
มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้วัตถุพยาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้ 1 ราย คือ นายอนุวัฒน์ โต๊ะเจ๊ะ อายุ 22 ปี ชาวตำบลยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นผู้ขับรถติดตามรถยนต์กระบะที่ประกอบวัตถุระเบิดในจุดแรก จึงได้เชิญตัวบุคคลดังกล่าวไว้สอบถามว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยมีรายงานว่าในเบื้องต้นนายอนุวัฒน์ยังให้การปฏิเสธ
หลังจากที่วานนี้ (3 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ยะลา 11 สนธิกำลังชุดสืบสวนคดีสำคัญตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองยะลา และฝ่ายปกครองจำนวนกว่า 150 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายชุมชนโรงเรียนตาร์เบียตุลวาตันมูลนิธิ หมู่ 1 บ.พงรือไร ต.บันนังสาเร็ง อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งสามารถตรวจยึดอุปกรณ์ที่คาดว่าใช้ประกอบระเบิดได้หลายรายการ โดยเฉพาะ เหล็กเส้นตัด แผงวงจรอีเล็กทรอนิกส์ ได้ที่บ้านเลขที่ 89/6 บ.พงยือไร หมู่ 1 และที่บ้านไม่มีเลขที่ใกล้กัน พบลวดเชื่อมโลหะ สายไฟ รวมถึงถังแก๊สสภาพใช้งานแล้ว 17 ถัง อยู่ภายในบ้านเลขที่ 89/34 บ.พงยือไร หมู่ 1 เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดสิ่งของที่พบเอาไว้ทั้งสิ้น 22 รายการ รวมทั้งทำการตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน
ความคืบหน้าด้านคดีล่าสุด เมื่อวันนี้ (4 เม.ย.) เวลา 08.45 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าด้านคดีนั้นมีความคืบหน้ามาก โดยเฉพาะหลักฐานด้านคดี ที่ทำให้ทราบจุดเริ่มต้นของรถที่ประกอบระเบิด และได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายดังกล่าว ก็ได้พยานวัตถุจำนวนมาก ที่น่าเชื่อว่าจะสามารถเชื่อมโยงถึงผู้กระทำความผิดได้ ส่วนข่าวการควบคุมผู้ต้องสงสัยนั้นก็ขอไม่เปิดเผยในขณะนี้ ทั้งนี้ การเชื่อมโยงเหตุของยะลากับที่หาดใหญ่นั้น พบว่ารถที่นำมาใช้ก่อเหตุ เป็นรถที่ชิงทรัพย์มาจากในพื้นที่ ส่วนการประกอบระเบิดยังไม่ยืนยันว่าเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอหลักฐานที่ชัดเจน
พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา กล่าวว่า ส่วนพยานหลักฐานที่พบในขณะนี้นั้น จะต้องรอผลพิสูจน์เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ก็จะสามารถออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ซึ่งจากข้อมูลเดิมก็จะเป็นกลุ่มเดิมๆ ในพื้นที่ แต่มีความมั่นใจที่จะสามารถออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้แน่นอน
มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้วัตถุพยาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้ 1 ราย คือ นายอนุวัฒน์ โต๊ะเจ๊ะ อายุ 22 ปี ชาวตำบลยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นผู้ขับรถติดตามรถยนต์กระบะที่ประกอบวัตถุระเบิดในจุดแรก จึงได้เชิญตัวบุคคลดังกล่าวไว้สอบถามว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยมีรายงานว่าในเบื้องต้นนายอนุวัฒน์ยังให้การปฏิเสธ