xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก 35 ปี มือระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายเอนก สิงขุนทด จำเลยที่ 1 ซึ่งตาบอดเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดหน้าพรรคภูมิใจ
ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 35 ปี จำเลยที่ 1 มือระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทย ส่วนจำเลยที่ 2-5 ศาลแยกสำนวน รอพิพากษา


วันนี้ (24 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 708 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2930/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเอนก สิงขุนทด จำเลยที่ 1 ซึ่งพิการตาบอดทั้งสองข้าง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเดชพล พุทธจง จำเลยที่ 2 นายกำพล คำคง จำเลยที่ 3 นายกอบชัย หรืออ้าย บุญปลอด จำเลยที่ 4 นางวริศรียา หรืออ้อ บุญสม จำเลยที่ 5 และนายสุริยา หรืออ้วน ภูมิวงษ์ จำเลยที่ 6 ฐานร่วมกันทำวัตถุระเบิด มีวัตถุระเบิดที่ออกใบอนุญาตไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธ (วัตถุระเบิด) ไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุสมควร และกระทำให้เกิดระเบิดฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 38, 74, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221, 222, 218, 371

โจทก์ฟ้องว่าระหว่างต้นเดือน มิ.ย. 2553 ถึง 22 มิ.ย. 2553 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งหกกับพวกร่วมกันผลิตหรือทำวัตถุระเบิด และร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ทำขึ้น โดยจำเลยทั้งหกกับพวกไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วจำเลยทั้งหกกับพวกร่วมกันทำให้เกิดการระเบิดขึ้น โดยนายนายอเนก สิงขุนทด จำเลยที่ 1 เป็นผู้เข็นรถเข็นผลไม้ที่ซุกซ่อนระเบิดไว้ เข็นผ่านไปทางด้านหลังของอาคารที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ตั้งอยู่ใกล้ซอยพหลโยธิน 43 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ก่อนเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผนังด้านหลังอาคารพรรคภูมิใจไทยแตกเสียหาย ขณะเดียวกัน แรงระเบิดยังทำให้นายอเนกตาบอดทั้งสองข้าง นอกจากนี้ เพิงโรงเรือนร้านค้าขายอาหารตามสั่งของนายแถม ตรุพิมาย ถูกแรงระเบิดเสียหายพังทั้งหลัง ค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000 บาท รถยนต์เก๋งทะเบียน ธต 7963 กทม.ของว่าที่ ร.ต.ภูมิรัตน์ นาคอุดม ได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 40,000 บาท

ชั้นพิจารณาจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยอื่นให้การปฏิเสธ จึงได้แยกสำนวนพิจารณา

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 1 รับสารภาพในชั้นพิจารณาและชั้นสอบสวนว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุคคลคนเดียวกับที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นหลักฐานของพยานโจทก์ ขณะที่อัยการโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน 2 นาย เบิกความว่า หลังเหตุการณ์ระเบิดได้เข้าตรวจสอบสถานที่พบจำเลยที่ 1 นอนได้รับบาดเจ็บอยู่ โดยมีเศษเงาะและถังแก๊สสีส้มตกกระจายอยู่ ซึ่งจำเลยที่ 1 รับสารภาพว่า รับจ้างจากจำเลยที่ 2-3 ให้นำรถเข็นผลไม้ ซึ่งมีถังแก๊สสีส้มที่ทำเป็นระเบิดแสวงเครื่องมาจอดที่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1-3 ได้เดินทางมาจากบ้านของจำเลยที่ 3 จ.ชลบุรี โดยก่อนที่จำเลยที่ 1 จะเข็นรถผลไม้มาหน้าพรรคภูมิใจไทย มีจำเลยที่ 2-3 คอยสังเกตการณ์และคอยบอกทางให้ และเมื่อนำรถเข็นผลไม้ไปจอดที่หน้าพรรคภูมิใจไทยแล้วไม่เกิดระเบิด จำเลยที่ 3 จึงแจ้งให้จำเลยที่ 1 กลับไปตรวจสอบระเบิดในรถเข็น ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้เข็นรถเข็นมาไว้ที่ด้านหลังพรรคภูมิใจไทยและใช้มือล้วงเข้าไปเพื่อตรวจสอบวงจรระเบิด แต่เกิดระเบิดขึ้นก่อน ประกอบกับมีการตรวจภาพวงจรปิดจากพรรคภูมิใจไทย และอาคารสยามนิสสัน ธนาคารออมสิน ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงปรากฏภาพชายสวมเสื้อยืด กางเกงสีเข้ม สวมหมวกแก๊ป ขณะที่พยานโจทก์ทั้งสองไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความตามจริงตามหน้าที่ อีกทั้งจำเลยที่ 1-3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนถึงพฤติการณ์และเหตุจูงใจในการกระทำดังกล่าว ซึ่งจำเลยที่ 1-3 ย่อมทราบดีกว่าการกระทำของตนมีโทษตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งสิทธิ์และอัตราโทษให้จำเลยรับทราบแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังมีทนายความร่วมอยู่ด้วย จึงไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1-3 จะให้การปรับปรำตัวเองให้ได้รับโทษทางอาญา คำให้การของจำเลยจึงไม่ใช่ลักษณะของการซัดทอด โดยยังสอดคล้องกับหลักฐาน

จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันทำระเบิดเพื่อให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สินและสถานที่ประชุม ซึ่งมีลักษณะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221 222 ประกอบมาตรา 218 311 และ 83 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ ให้ลงโทษทุกกระทง จำคุก 2 กระทงๆ ละ 10 ปี ฐานมีระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และปรับ 100 บาท ฐานพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ และให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานทำระเบิดให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินฯ และสถานที่ประชุม ซึ่งเป็นโทษหนักสุดตามมาตรา 222 และ 218 จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้จำคุกรวมทั้งสิ้น 35 ปี และปรับ 50 บาท




กำลังโหลดความคิดเห็น