คนร้ายควบ จยย.มาเดี่ยว ขับแซงไปมาแล้วประชิดตัว จยย.คู่กรณีบริเวณหน้าศาลอาญา รัชดาฯ ก่อเหตุกระชากกระเป๋าไปอย่างอุกอาจ ขณะที่ผู้เสียหายจำหน้าคนร้ายได้แม่นยำ แต่มัวช้าเติมน้ำมันเลยเข้าแจ้งความไม่ทันการณ์ ตร.จึงวิทยุสกัดจับไม่ทัน ด้านรอง ผกก.ป.สน.พหลโยธิน ยอมรับเคยเกิดเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้วยังจับคนร้ายไม่ได้ ย้ำจะเพิ่มความเข้มงวดตรวจตรา พร้อมส่งทีมสืบฯ ลงพื้นที่เพื่อเร่งติดตามแก๊งนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
วันนี้ (29 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับข้อร้องเรียนจากนายจักรพรรณ แก้วสังข์ทอง อายุ 24 ปี อาชีพผู้สื่อข่าวอิสระ อดีตผู้สื่อข่าว ASIA TIMES ว่าช่วงค่ำวันที่ 27 มี.ค. ขณะกำลังขับรถ จยย. พร้อมเพื่อนซ้อนท้ายเดินทางกลับบ้านในเวลาประมาณ 20.20 น. โดยช่วงที่ขับผ่านหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาฯ มุ่งหน้าไปถนนวิภาวดีฯ ได้มีคนร้ายมาคนเดียวขับขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไอ 125 สีขาว ล้อแต่ง ยางเส้นเล็ก ได้ขับประชิดจักรยานยนต์ของตนพร้อมกับแซงขวาหลบไปมา แล้วพยายามกระชากกระเป๋า โดยกระเป๋าเป้าหมายอยู่หลังรถของตนซึ่งได้เอาสายคาดเอวไว้ และตั้งอยู่บนตักของเพื่อนที่ซ้อนท้ายมาด้วยกัน ซึ่งตอนแรกคนร้ายพยายามขับจะเข้ามาใกล้รถที่ตนขับขี่อยู่ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะถีบรถหรือไม่ จึงหักหลบเล็กน้อย แต่คนร้ายได้ขับจักรยานยนต์เข้ามาประชิดและกระชากกระเป๋าไปได้ เนื่องจากรถกำลังเสียการทรงตัวและน้ำมันใกล้หมด ตนจึงจำเป็นต้องปลดสายกระเป๋า ซึ่งเป็นกระเป๋าแบบต่างประเทศตัวสายจะมีปุ่มปลดสายล็อก ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุตนสังเกตเห็นคนร้ายขี่จักรยานยนต์เสียการทรงตัวส่ายไปส่ายมา เนื่องจากคนร้ายกำลังคุยโทรศัพท์อยู่เป็นลักษณะคล้าย iphone กรอบสีทอง
“ผมขี่รถอยู่น่ะครับ แล้วโจรมันบิดแซงขวาขึ้นมาแล้วพยายามกระชากกระเป๋าผม ตอนแรกก็ฝืนๆ แต่ไม่ไหวเพราะเราช้าแล้วตอนนั้น บวกกับสายเป้ตึงมาก เลยต้องปล่อยไป คนร้ายลงมืออุกอาจมาก ตอนนั้นแค่ 20.20 น.เอง รถยังติดอยู่เลย ผมจำหน้าได้ครับ ไปแจ้งตำรวจและดูประวัติของคนร้ายแล้ว เพราะคนร้ายสวมหมวกครึ่งใบ ซึ่งตอนนั้นผมกำลังชะลอรถเพื่อเข้าปั๊มน้ำมัน ปตท.หน้าศาลอาญา ก่อนเลี้ยวเข้าปั๊มประมาณ 50 เมตร คนร้ายบิดรถแซงขวาขึ้นมา แล้วกระชากกระเป๋าจากด้านหลัง ตอนที่คนร้ายหนีได้ขับมุ่งหน้าออกขวาขึ้นสะพานข้ามแยกรัชโยธิน ซึ่งของหายไปไม่มาก มีบัญชีธนาคารกับเอกสารสำคัญของที่ทำงานและสถานศึกษา ผมไปสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ตำรวจบอกแก๊งนี้หายไปนาน มีมาอีกเดี๋ยวจะดำเนินการเด็ดขาด” นายจักรพรรณกล่าว
นายจักรพรรณกล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าวได้ไปแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน ในเวลา 21.00 น. ซึ่งที่แจ้งความล่าช้าเนื่องจากต้องเสียเวลาไปเติมน้ำมันก่อน และพอไปถึงสถานีตำรวจเจ้าหน้าที่ได้พาเข้าไปให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเพื่อสกัดจับคนร้าย แต่ไม่ทันการณ์
ด้าน พ.ต.ท.สุรินทร์ ชาวศรีทอง รอง ผกก.ป.สน.พหลโยธิน ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาแล้วเมื่อ 3 เดือนก่อน ซึ่งมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความไว้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุขับขี่จักรยานยนต์สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาคนเดียว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามเร่งติดตามจับกุมแต่ยังไม่ได้ตัวคนก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับอาสาสมัครตั้งจุดสกัดจับ พร้อมทั้งใช้รถกระบะสายตรวจเปิดไฟไซเรนขับตระเวนตรวจตราตลอดแนวถนนหน้าศาลอาญา รัชดาฯ รวมถึงบริเวณด้านหลังศาล และจะใช้จักรยานยนต์สายตรวจออกตรวจตราสม่ำเสมอ พร้อมทั้งจะคอยประกาศเตือนผ่านไมโครโฟนให้ผู้ขับขี่จักรยานยนต์สัญจรผ่านไปมาทราบ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เดินสะพายกระเป๋าริมทางถนนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพ หากเป็นไปได้ก็ให้อุ้มไว้จะปลอดภัย
พ.ต.ท.สุรินทร์กล่าวย้ำว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งได้ใช้กำลังตำรวจคอยตรวจตราความปลอดภัยให้เรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่ชัดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นแก๊งติดยาเสพติดหรือไม่ โดยคนร้ายกลุ่มนี้มักจะฉวยโอกาสก่อเหตุช่วงรถไม่ติดมาก ประกอบกับแสงไฟบริเวณริมถนนก็ไม่ค่อยสว่างนัก ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานสำนักงานเขตของ กทม.เพื่อให้ติดตั้งไฟเพิ่มแสงสว่างแล้ว
“เจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มให้การตรวจตรามากขึ้น พร้อมจะส่งทีมสืบฯ ลงพื้นที่เพื่อจะได้กวาดล้างแก๊งกระชากกระเป๋าให้ได้ ขณะเดียวกันจะตรวจเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ และพื้นที่ข้างเคียง ยอมรับนะครับว่ากำลังเรามีไม่พอ แต่จะดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น” พ.ต.ท.สุรินทร์ กล่าว