ภรรยาต่างชาติร้อง ตร.โดนโทร.ขู่หลังถูก รปภ.บีทีเอสทำร้าย

ภรรยาครูสอนภาษาเข้าแจ้งความ อ้างถูกชายลึกลับโทร.ข่มขู่จะทำร้าย หลังสามีถูก รปภ.บีทีเอสทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และ รปภ.ถูกไล่ออก ยันไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน วอนผู้บริหารบีทีเอสเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อครอบครัวไม่ถูกประณามจากสังคม ย้ำที่ผ่านมาไม่ได้รับการเหลียวแลจากบีทีเอส ร้องขอหารือกับระดับบิ๊กหาข้อยุติ

วันนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ สน.บางโพงพาง น.ส.พัชรมาศ ภู่ศรี อายุ 36 ปี ภรรยานายจอห์น บีฮัน อายุ 37 ปี ครูสอนภาษาชาวไอร์แลนด์ ที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเรื่องวิวาทกับ รปภ.รถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมญาติและลูกสาวเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ เรืองด้วง พนักงานสอบสวน (สบ 1) เพื่อแจ้งความหลังถูกชายนิรนามโทรศัพท์มาข่มขู่ทำร้าย ที่โรงเรียนนานาชาติสาทรใหม่ ย่านสาธุประดิษฐ์ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (23 มี.ค.)

น.ส.พัชรมาศกล่าวว่า ที่เข้าแจ้งความในวันนี้ เนื่องจากผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาที่สามีทำงานอยู่โทรศัพท์มาบอกว่า เมื่อช่วงบ่าย 2 โมงวานนี้ (23 มี.ค.) มีชายลึกลับพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทยข่มขู่ว่า หากนายจอห์นเดินทางกลับมาประเทศไทยจะมาทำร้ายตนและสามี ซึ่งตนและครอบครัวจึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงมาแจ้งความไว้ก่อน โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แต่ที่ผ่านมาหลังจากปรากฏเป็นข่าวก็ตกเป็นจำเลยของสังคม ถูกมองอย่างเกลียดชัง รุมประณามว่าเป็นคนไม่ดีใช้สิทธิพิเศษ ส่วนกรณี รปภ.ที่ถูกไล่ออก ตนรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกับว่าเราเป็นปัญหาจนทำให้เขาถูกไล่ออกจากหน้าที่ ทั้งที่แสดงความเป็นลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

น.ส.พัชรมาศกล่าวว่า ที่ออกมาไม่ได้ต้องการอะไร เพียงแค่อยากให้ผู้บริหารของรถไฟฟ้าบีทีเอสออกมาเปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะคลิปที่ปรากฏตามสื่อและสังคมออนไลน์เป็นเพียงแค่ช่วงหนึ่งของเหตุการณ์เพียง 30 วินาที หากสังคมได้เห็นภาพทั้งหมดจะทราบความจริง โดยที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการเยียวยาค่ารักษาพยาบาล และคำขอโทษของทางบีทีเอสเลย จึงต้องการคุยกับผู้บริหารบีทีเอสเพื่อเจรจาหาข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งตนและครอบครัวยังจะกลับมาใช้บริการบีทีเอสตามเดิม เพราะมีความเชื่อมั่นว่าทางบีทีเอสจะหาทางแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น

ด้าน ร.ต.อ.ธรรมรัตน์กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความไว้ โดยจะประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจให้ดูแลความปลอดภัยที่โรงเรียนให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประสานทางองค์การโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบหมายเลขชายที่โทรศัพท์มาข่มขู่ที่โรงเรียนว่าเป็นใครต่อไป