ภาค 1 แถลงโชว์ผลงานติดตามจับหนุ่มใหญ่กับอดีตภรรยาตระเวนซื้อยาซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด แล้วนำส่งขายจังหวัดทางภาคเหนือจนมาถูกควบคุมตัวดำเนินคดี
วันนี้(22 มี.ค.)เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 (บช.ภ.1) นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รองจตร.(สบ.7)ปฎิบัติราชการ ภ1. พ.ต.อ.อดุลย์ รัตนภิรมย์ รองผบก.สส.ภ.1 ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายจัดส่งยาแก้หวัด(ซูโดอีเฟดรีน)ไปทางภาคเหนือ ประกอบด้วย นายประเสริฐ ตรีศรีสุภา หรือเฮียเช็ง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 222/6 ซอยยศเส แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. จับกุมตามหมายศาลจังหวัดพะเยา ที่ จ.190/2554 ลงวันที่ 25 ต.ค. 2554 ในข้อหาร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยมิได้รับอนุญาต ร่วมกันส่งออกวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท2(ซูโดอีเฟดรีน) โดยมิได้รับอนุญาต โดยสามารถจับกุมได้ ที่บริเวณ ต้นซอยบ้านหม้อ แขวงวังบูรพา เขตพะนคร และน.ส.ฐิตาภา สุวินัย หรือ เจ๊นาง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 863 ถ.พระราม6 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจ.พะเยาที่ 191 /2554 ลง 25 ต.ค.2554 ในข้อหาเดียวกัน พร้อมยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์โตโยต้าแวน 1คัน สมุดบัญชีเงินฝาก 8 เล่ม ยอดเงินในสมุด รวมกว่า 3.4 ล้านบาท และเงินสด 97,000 บาท โดยเจ้าหน้า ที่สามารถจับกุมได้ที่บริเวณการ์เด้นคอนโด แขวง/เขต ราษฏร์บูรณะ กทม.
พล.ต.ต.คเชนทร์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสอง ได้หลบหนีหมายจับในกลุ่มเครือข่ายพวกจัดส่งยาแก้หวัดให้กับผู้ผลิตยาบ้าทางภาคเหนือ ซึ่งมีพฤติการณ์ในการลักลอบซื้อยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมซูโดอีเฟดรีน ครั้งละ 20-30 แผง โดยทยอยซื้อจากร้านขายยา ตั้งแต่ปี 2552-2553 จากนั้น น.ส.ฐิตาภา ก็จะบรรจุยาใส่กล่องพัสดุแล้วให้นายประเสริฐ จัดส่งผ่านบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง โดยมีปลายทางที่จ.พะเยา ซึ่งส่งเป็นจำนวนหลายครั้งแล้ว โดยได้รับค่าตอบแทนผ่านทางบัญชีธนาคาร จึงทำการสืบสวนและวางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ดังกล่าว ทั้งนี้จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาพบว่ามีเงินเคลื่อนไหวเป็นจำนวนมากและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ส่วนเครือข่ายปลายทางที่จ.พะเยานั้น ทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้แล้วก่อนหน้านี้ สำหรับเครือข่ายดังกล่าวถือว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะขยายผลจับกุมต่อไป
จากการสอบสวน น.ส.ฐิตาภา ให้การว่า ปกติจะมีคนว่าจ้างให้ซื้อยาซูโดอีเฟดรีนตามร้านขายยา ซึ่งตนก็ตระเวนซื้อตามร้านขายยาต่างๆมาครั้งละ 2-3 แผง และจะทยอยส่งให้กับผู้ว่าจ้าง ได้ค่าจ้างครั้งละ 1-2 พันบาท หรือแล้วแต่จำนวนยา ซึ่งทำมากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งนี้เมื่อก่อนตนไม่รู้ว่ายาดังกล่าวนำไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้าได้ แต่พอมาทราบตอนหลังตนก็ไม่ได้ทำแล้ว
ด้านนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปรามฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงพยาบาลภูสิงห์ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานนี้พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)และเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตรวจสอบการเบิกจ่ายยาซูโดอีเฟดรีนของโรงพยาบาลภูสิงห์ ตั้งแต่เดือนมกราคมปี2555 พบยาซูโดอีเฟดรีนของโรงพยาบาลหายไปถึง 250,000 เม็ด ซึ่งหัวหน้าเภสัชกรของโรงพยาบาลได้หลบหนีไปก่อนที่ตนเองจะลงพื้นที่โดยคาดว่าน่าจะหลบหนีไปยังชายแดนประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เบื้องต้นได้ให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ไว้แล้วในข้อหาลักทรัพย์และยักยอกทรัพย์ ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า มีคนสนิทของข้าราชการประจำระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข มีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว และยังมีความเชื่อมโยงกรณียาซูโดอีเฟดรีนหายที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีและโรงพยาบาลทองแสงขัน จ.อุตรดิตย์ อีกด้วย อย่างไรก็ตามยอมรับว่ามีขบวนการก็ลักลอบจัดส่งยาซูโดอีเฟดรีนในกระทรวงสาธารณสุขจริง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีความผิดปกติ เพราะตามโรงพยาบาลในอำเภอเล็กๆ ปกติการเบิกจ่ายยาซูโดอีเฟดรีนไม่น่าจะเกิน 70,000 เม็ด ซึ่งไม่น่าจะมีจำนวนสูงมากขนาดนี้ ซึ่งทางกระทรวงสธ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติและ ดีเอสไอ จะทำการสอบสวนขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด