ตำรวจ ปอศ.ร่วมกับกรมสรรพากรรวบหนุ่มใหญ่เปิดบริษัทก่อสร้างบังหน้า แต่มาประกาศขายใบกำกับภาษีทางอินเทอร์เน็ต โดยจะออกใบกำกับภาษีให้โดยไม่ได้ซื้อขายสินค้ากันจริง ได้ผลตอบแทนร้อยละ 3.3 ด้านเจ้าตัวอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นว่ารายได้ดีจึงมาทำ
วันนี้ (16 มี.ค.)เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี รอง ผบช.ก. ดร.สาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร นางวณี ทัศนมณเฑียร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รอง ผบก.ปอศ. และ พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. ร่วมกันแถลงการจับกุม นายธนกฤษ ฮีลี่ อายุ 45 ปี พร้อมของกลางใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน และเคสคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง โดยสามารถจับกุมได้ที่โลตัสบางเขน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
พล.ต.ต.ภูมิราแถลงว่า สืบเนื่องจากกรมสรรพากร และ บก.ปอศ.ได้สืบทราบว่า นายธนกฤษ ประกาศขายใบกำกับภาษีทางเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์ได้ระบุอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ซึ่งเป็นของนายธนกฤษ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดต่อขอซื้อใบกำกับภาษีกับนายธนกฤษ จากนั้นนายธนกฤษได้แจ้งหมายเลขบัญชีเงินฝาก เพื่อให้โอนเงินค่าซื้อใบกำกับภาษี ต่อมาเจ้าหน้าที่สรรพากรได้นำเช็คไปฝากเข้าที่บัญชีธนาคารของนายธนกฤษเพื่อชำระค่าซื้อใบกำกับภาษีตามที่ตกลงกันไว้
พล.ต.ต.ภูมิราเปิดเผยว่า นายธนกฤษจึงส่งต้นฉบับใบกำกับภาษี หรือต้นฉบับใบส่งของจำนวน 2 ฉบับ และต้นฉบับใบเสร็จรับเงินจำนวน 2 ฉบับ ระบุชื่อบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านเขตสายไหม เป็นผู้ออกใบดังกล่าว มาให้เจ้าหน้าที่สรรพากร ทางไปรษณีย์ โดยจากการตรวจสอบพบว่านายธนกฤษ เป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวด้วย
พล.ต.ต.ภูมิรากล่าวว่า จากพยานหลักฐานพบว่านายธนกฤษ มีพฤติการณ์กระทำผิดด้วยการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ได้มีการซื้อขายสินค้ากันจริง ถือเป็นการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่สรรพากรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ.จึงได้ร่วมกัน วางแผนจับกุม โดยติดต่อขอซื้อใบกำกับภาษีมูลค่าสินค้าประมาณ 2.6 ล้านบาท เมื่อตกลงซื้อขายใบกำกับภาษีแล้ว จึงได้นัดหมายเพื่อทำการส่งมอบใบกำกับภาษีและชำระเงิน ที่โลตัสบางเขน เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายธนกฤษได้เดินทางมาพบ พร้อมกับนำต้นฉบับใบกำกับภาษีหรือต้นฉบับใบส่งของและต้นฉบับใบเสร็จรับเงินมาให้ตรวจดูตามที่ตกลงกันไว้ เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุมตัวทันที
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้มีคนแนะนำให้มาทำงานด้านนี้อีกที และเห็นว่ามีรายได้สูง จึงอยากจะลงทุนทำเองบ้าง ตนจึงได้เริ่มเปิดบริษัท ขายวัสดุก่อสร้าง เมื่อปลายปี 2554 ซึ่งได้จำหน่ายใบกำกับภาษีต่อให้กับลูกค้ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และจะได้ค่าใบกำกับภาษี ร้อยละ 3.3 โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ทำมานั้นมียอดรายได้รวมทั้งหมดกว่า 4 ร้อยล้านบาท
เบื้องต้น ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 86/13 มีความผิดตาม มาตรา 90/4(3) แห่งประมวลรัษฎากร มีโทษจำคุก 3-7 ปี ปรับ 2,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป