ศาลอาญาสั่งประหาร 2 พี่น้องร่วมกันค้าไอซ์ 3 กก.พี่ชายถูกขังในคุกใช้มือถือโทร.สั่งน้องชายขับรถส่งยาถูกตำรวจตามจับได้ น้องชายรับสารภาพเหลือจำตลอดชีวิต ส่วนคนพี่ประหารสถานเดียว
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวิชิต โชคโสด อายุ 39 ปี ชาว จ.ระนอง และ นายสมควร หรือ ชาม หมื่นอินทร์ อายุ 42 ปี ชาว จ.กระบี่ เป็นจำเลยที่ 1- 2 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ หรือ ยาไอซ์ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, สมคบกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่าเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.-17 ก.ค.53 จำเลยทั้งสองได้บังอาจกระทำผิดโดยจำเลยที่ 2 ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม และเป็นพี่ชายต่างมารดาของจำเลยที่ 1 ได้ลักลอบโทรศัพท์จากเรือนจำให้จำเลยที่ 1 นำยาไอซ์ไปส่งให้ลูกค้า แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเฝ้าติดตามพฤติการณ์มาขอตรวจค้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน บง 7627 ระนอง ของจำเลยที่ 1 ขณะแล่นมาบริเวณ ถ.สุขสวัสดิ์ ตรงข้ามห้างบิ๊กซี สาขาพระประแดง จ.สมุทรปราการ พบยาไอซ์ 2 ถุง หนัก 1 กก.ซุกซ่อนในกล่องกระดาษทิชชู่ และจากการสอบสวนขยายผลทราบว่า จำเลยที่ 1 ยังมียาไอซ์ไว้ในห้องเช่าไม่มีชื่อ ซ.ประชาอุทิศ 69 แขวง-เขตทุ่งครุ กทม.เมื่อตรวจค้นก็พบยาไอซ์อีก 4 ถุง หนัก 2 กก.ซุกซ่อนในกล่องกระดาษทิชชู่ ลักษณะเดียวกันที่พบในรถยนต์กระบะ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 บช.ปส.ดำเนินคดี
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า ยาเสพติดของกลางทั้งหมดเป็นของจำเลยที่ 2 โดยว่าจ้างตน ส่งยาไอซ์ ให้ลูกค้าครั้งละ 50,000 บาท โดยจะโทรศัพท์สั่งจากเรือนให้ไปส่งลูกค้าที่ใดบ้าง หรือไปรับยาไอซ์จากจุดใดบ้าง ขณะที่จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานต่างๆ รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า เจ้าหน้าที่ลับแจ้งจากสายลับ ว่า มีนักโทษจากเรือนกลางคลองเปรม ชื่อ ชาม มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดทางเครือข่ายทางโทรศัพท์ จึงเฝ้าติดตามสังเกตก็พบจำเลยที่ 1 มักมาเยี่ยมจำเลยที่ 2 ที่เรือนจำบ่อยครั้ง จึงสะกดรอยจนสามารถจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมของกลางได้ นอกจากนี้จากการตรวจค้นเรือนจำก็พบโทรศัพท์มือถือของจำเลยที่ 2 ทิ้งในชามบะหมี่ด้วย ทั้งนี้ จากสภาวการณ์ปัจจุบัน พบว่า การลักลอบกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมีการคิดหาวิธี ลำเลียง ขนส่ง ซุกซ่อนจำหน่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการกวาดล้างจับกุม แม้เครือข่ายจะถูกจับกุมคุมขังในเรือนจำ แต่เครือข่ายเหล่านี้ก็ยังสามารถติดต่อกันได้เช่นคดีนี้ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง น่าเชื่อถือ เชื่อว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง
พิพากษาโทษ ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, วรรคสาม(2)66 วรรคสาม, พ.ร.บ.การปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง