xs
xsm
sm
md
lg

ฎีกายืน! คุก 25 ปี “กำนันเป๊าะ-ส.ท.เหี่ยว” จ้างฆ่ากำนันยูร

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ) นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ
ฎีกายืนจำคุก “กำนันเป๊าะ -ส.ท.เหี่ยว” คนละ 25 ปี คดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร ศาลสั่งออกหมายจับสองจำเลยที่ยังหลบหนีมารับโทษตามคำพิพากษา


วันนี้ (12 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.1988/2546 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ฟ้องนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ อายุ 73 ปี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี และนายภาสกร หอมหวล หรือ ส.ท.เหี่ยว อายุ 44 ปี สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแสนสุข ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยวันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาลับหลังจำเลย เมื่อจำเลยทั้งสองมีพฤติกรรมหลบหนีไม่ไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วหลายครั้ง กระทั่งศาลอาญามีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสอง

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าระหว่าง ต.ค. 2545 - 9 มี.ค. 2546 ต่อเนื่องกันจำเลยที่ 1-2 ร่วมกันใช้จ้างวานให้นายธนาวุฒิ หรือติ เกิดเกียรติกุล กับพวกวางแผนจัดการสังหารนายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร อดีตกำนันตำบลท่าเสม็ด จังหวัดชลบุรี โดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน จ้างวานในราคา 3 ล้านบาท โดยนายธนาวุฒิกับพวกตกลงรับงานฆ่านายประยูร จากนั้นนายธนาวุฒิได้วางแผนดักฆ่านายประยูรหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ต่อมาวันที่ 9 มี.ค. 2546 นายประยูรถูกคนร้ายที่ยังไม่ปรากฏชัดว่าเป็นใครยิงเสียชีวิตในงานแต่งงานที่ร้านไพรเวชค้าวัสดุ หลังจากนั้นวันที่ 17 และ 24 เม.ย. 2546 จำเลยที่ 1 -2 ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน พร้อมให้การปฏิเสธ เหตุเกิดที่ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี

คดีนี้ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.47 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 25 ปี โดยให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษคดีแดงที่ 843/48 ของศาลจังหวัดชลบุรี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะ ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี เพื่อสร้างบ่อกำจัดขยะอีก 5 ปี 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 30 ปี 4 เดือน

ต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง อ้างว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องและไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน อีกทั้งกลุ่มมือปืนซึ่งเป็นพยานโจทก์ยังถูกตำรวจกองปราบปรามซ้อมเพื่อให้การปรักปรำจำเลยที่ 1 เนื่องจาก พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบช.ก. (ตำแหน่งสมัยนั้น) ต้องการสร้างชื่อเสียงเพื่อให้ได้รับแต่งตั้งเป็น ผบช.ก. ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2548 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสามปาก คือ นายธนาวุฒิ หรือติ เกิดเกียรติกุล นายพสิษฐ์ หรือคิด แตงตุ้มรุ่งโรจน์ และนายธนาพล หรือเจี๊ยบ บุญศรีอุทัย เบิกความสอดคล้องต้องกันในสาระสำคัญ ทั้งวันเวลา สถานที่ และบุคคลที่เกี่ยวพัน เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่ นายธนาวุฒิ และนายธนาพล ได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 1 ให้ไปฆ่านายประยูร เนื่องจากจำเลยที่ 1 ไม่พอใจเรื่องที่ พ.ต.ท.ไชยันต์ วิชัยดิษฐ์ ลูกน้องคนสนิทถูกนายเลิศชาย บุตรชายของนายประยุทธ น้องชายนายประยูร ที่ถูก พ.ต.ท.ไชยันต์อุ้มฆ่ามายิงแก้แค้น ซึ่งจำเลยที่ 1 เกรงว่านายประยูรกับนายเลิศชายจะจ้างคนมายิงเอาคืน จึงว่าจ้างนายธนาวุฒิกับพวกเป็นเงิน 3 ล้านบาท ชิงวางแผนฆ่าผู้ตายเสียก่อน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2545 ในงานพิธีเปิดอู่ซ่อมรถของนายพสิษฐ์ ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ย. 2545 ขณะนายประยูรพร้อมคณะเดินทางไปทอดกฐินที่จังหวัดสระบุรี ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2545 ในงานปีใหม่ที่ตำบลเสม็ด โดยนายธนาวุฒิติดต่อให้ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา และ ส.อ.สมชาย บุนนาค เป็นผู้ลงมือ ครั้งที่ 4 วันที่ 16 ม.ค. 2546 ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ทั้งนี้ การวางแผนฆ่านายประยูรทั้ง 4 ครั้งไม่สำเร็จ เนื่องจากนายประยูรระมัดระวังตัว

กระทั่งเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2546 นายธนาวุฒิกับพวกเตรียมวางแผนฆ่านายประยูรอีกครั้งในงานแต่งงานที่ร้านไพรเวชค้าวัสดุ แต่ปรากฏว่า จ.ส.อ.ประดิษฐ์ คนใกล้ชิดจำเลยที่ 1 แจ้งว่า จำเลยที่ 1 สั่งระงับแผนฆ่า เนื่องจากมีข่าวรั่วไหล ซึ่งบันทึกคำให้การของนายธนาวุฒิและนายพสิษฐ์ ปรากฏว่าเคยให้การไว้หลายครั้ง และยืนยันมาตลอดว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่าผู้ตาย รายละเอียดส่วนใหญ่ตรงกับคำเบิกความในชั้นศาล ประกอบกับพยานทั้งสองยังได้นำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ รายละเอียดดังกล่าวเป็นความลับรู้กันเฉพาะพยานทั้งสองเท่านั้น อีกทั้งโจทก์ยังได้นำ จ.ส.อ.ปัญญา และ ส.อ.สมชาย มาเบิกความสนับสนุนทำให้คำเบิกความของพยานทั้งสองมีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองทำผิดตามฟ้องที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน โดยศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจำคุกจำเลยทั้งสอง และออกหมายจับจำเลยทั้งสองมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา
กำลังโหลดความคิดเห็น