ศาลสั่งปรับลูกสาวกำนันเป๊าะ ฐานะนายประกัน 15 ล้านบาท เนื่องจากผิดสัญญาไม่พาพ่อมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีจ้างวานฆ่า “กำนันยูร” นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้ง 24 ม.ค.ปีหน้า
วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีจ้างวานฆ่า ด.1988/46 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ อายุ 73 ปี อดีตนายกเทศมนตรี ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี และนายภาสกร หอมหวล หรือ ส.ท.เหี่ยว อายุ 44 ปี สมาชิสภาเทศบาลเมืองแสนสุข ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ จ้าง วาน ให้ฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 46 ระบุความผิดสรุปว่าเมื่อระหว่างเดือน ต.ค.-9 มี.ค.2546 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกัน ใช้จ้างวานให้ นายธนาวุฒิ หรือ ติ เกิดเกียรติกุล กับพวก ฆ่า นายประยูร สิทธิโชติ หรือ กำนันยูร กำนัน ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ในราคา 3 ล้านบาท โดย นายธนาวุฒิ กับพวก ตกลงรับจะไปฆ่านายประยูรและได้วางแผนดักฆ่าหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จนเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2546 นายประยูร ได้ถูกคนร้ายที่ยังไม่ปรากฏชัดว่าเป็นใคร ยิงเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 17 และ 24 เม.ย. 2546 จำเลยที่ 1 -2 ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งให้การปฏิเสธ เหตุเกิดที่ ต.แสนสุข-ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี และที่อื่นเกี่ยวกันพัน
คดีนี้ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2547 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 25 ปี โดยให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษคดีแดงที่ 843/48 ของศาลจังหวัดชลบุรี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะ ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี เพื่อสร้างบ่อกำจัดขยะอีก 5 ปี 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 30 ปี 4 เดือน
ต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง อ้างว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องและไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน อีกทั้งกลุ่มมือปืนซึ่งเป็นพยานโจทก์ยังถูกตำรวจกองปราบปรามทำร้ายร่ากาย เพื่อให้การปรักปรำ จำเลยที่ 1 เนื่องจาก พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบช.ก.(ขณะนั้น) ต้องการสร้างชื่อเสียง เพื่อให้ได้รับแต่งตั้งเป็น ผบช.ก.กระทั่งวันที่ 12 ต.ค.48 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืน จำเลยทั้งสองยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้องด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลา น.ส.จิราภรณ์ คุณปลื้ม บุตรสาว ในฐานะนายประกันของนายสมชาย จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องพร้อมแสดงใบรับรองแพทย์ รพ.พญาไท ระหว่างวันที่ 22 ก.พ. - 21 มี.ค. 49 รวม 4 ฉบับว่า จำเลยที่ 1 มีอาการป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดเลือดตีบ ต้องพักรักษาอาการไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ จึงขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน ส่วนนางบังอร หอมหวล นายประกัน และเป็นภรรยาของนายภาสกร จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำร้องพร้อมแสดงหนังสือคำสั่งราชการให้นายภาสกร จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแสนสุขให้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ จ.ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 25 พ.ย.-1 ธ.ค. นี้ จึงไม่อาจเดินทางมาศาลได้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีของ นายสมชาย จำเลยที่ 1 นั้น มีใบรับรองแพทย์มาแสดงเพียง 4 ฉบับเมื่อ ปี 49 เท่านั้น และก็ไม่มีในรายงานว่า จำเลยที่ 1 มีอาการป่วยร้ายแรงมากน้อย แน่ชัดเพียงใดหรือไม่อย่างไร นายประกันมีหน้าที่ต้องพาจำเลยที่ 1 มาฟังคำพิพากษาตามที่ศาลนัด แต่เมื่อไม่สามารถพามาได้ การกระทำดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นผิดสัญญาประกัน จึงมีคำสั่งให้ปรับนายประกันเต็มตามจำนวน 15 ล้านบาท
ส่วนกรณีของจำเลยที่ 2 มีหนังสือราชการของเทศบาลเมืองแสนสุขลงวันที่ 24 พ.ย. มาแสดงประกอบน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้จริง เห็นสมควรเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นวันที่ 24 ม.ค.ศกหน้า เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ น.ส.จิราภรณ์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นพันธบัตร เงินสด โฉนดที่ดิน มูลค่า 15 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวนายสมชายระหว่างฎีกา โดยทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.49 ศาลจังหวัดชลบุรีได้นัดนายสมชาย ให้มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะทำบ่อขยะที่ ต.เขาไม้แก้ว อ.เมืองชลบุรี จำนวน 140 ไร่ ราคา 93.52 ล้านบาทที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนให้จำคุก นายสมชาย เป็นเวลา 5 ปี 4 เดือน แต่นายสมชายไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลจังหวัดชลบุรีเชื่อว่า นายสมชายมีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับปรับนายประกันไปแล้ว