พ.จ.อ.ทำปืนลั่นใส่ทหารรุ่นน้องดับคาเก๋ง

พันจ่าเอกสังกัดกรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม พลาดท่าทำปืนลั่นใส่ทหารรุ่นน้องเสียชีวิตคาเก๋งฮอนด้าซีวิค ขณะกลับจากดื่มกินจนเกือบเช้า ตร.ตามล็อกได้ที่บ้านพักเจ้าตัวยันแค่หลบไปตั้งหลักไม่คิดหนี

วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 05.00 น. ร.ต.อ.ปฎิพันธ์ สีตอง พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในรถยนต์ บริเวณถนนสรงประภา หน้ากรมทหารสื่อสาร แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก. สน.ดอนเมือง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุบริเวณริมถนนขอบทางพบรถฮอนด้าซีวิค สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ฐธ-2386 กทม. จอดเปิดไฟอยู่ จากการตรวจสอบภายในรถพบศพ จ.ต.วงศ์นรินทร์ จุนสาย อายุ 20 ปี ทหารสังกัดกรมเสมียนตรา แผนกบริการทหาร กระทรวงกลาโหม สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงยีน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม.เข้าที่สีข้างด้านซ้าย นั่งเสียชีวิตที่เบาะด้านหน้าฝั่งซ้าย ช่วงลำตัวเอนมาที่นั่งของคนขับ นอกจากนี้ ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. บริเวณเบาะหลังอีก 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวน น.ส.อ้อม (นามสมมติ) เพื่อนสาวของผู้ตายที่นั่งรถยนต์มาด้วยกัน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มทหารและตนไปนั่งดื่มกินที่ร้านบ้านลุงใหญ่ ถนนสรงประภา และออกจากร้านดังกล่าวประมาณ 02.00 น.โดย จ.ต.วงศ์นรินทร์ เป็นคนขับรถยนต์ และตนได้นั่งข้างหน้า ติดกับที่นั่งคนขับมาด้วย ส่วน พ.จ.อ.ไพจิตร วรรณสุทธิ์ อายุ 37 ปี นายทหารสังกัดกรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม นั่งอยู่เบาะด้านหลังของตน

ต่อมาขณะขับรถมุ่งหน้ามาตามถนนสรงประภา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากภายในรถ จึงสังเกตเห็นว่า จ.ต.วงศ์นรินทร์ ถูกอาวุธปืนยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดย พ.จ.อ.ไพจิตร กล่าวว่า เป็นผู้ทำปืนลั่นใส่ และบอกว่าจะนำตัวผู้ตายไปรักษาต่อที่รพ.เอง พร้อมให้ตนกลับไปก่อนจึงเดินทางกลับไปที่ร้าน และเพิ่งมาทราบข่าวภายหลังว่า จ.ต.วงศ์นรินทร์ เสียชีวิตแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.เจริญ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว พ.จ.อ.ไพจิตร ไว้ได้ที่บ้านพักทหารก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ดอนเมือง ซึ่งจากการสอบสวน พ.จ.อ.ไพจิตร ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ทำปืนลั่นใส่ผู้ตายจริง ซึ่งหลังเกิดเหตุทำอะไรไม่ถูกจึงกลับไปที่บ้านพักก่อนแต่ไม่ได้คิดหลบหนี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงกับความตาย ก่อนจะควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป