ผกก.5 บก.ป.เชื่อ หนุ่มใหญ่ชาวนอร์เวย์ ฆ่าอดีตแฟนสาวชาวไทย แล้วดองศพซ่อนไว้ในบ้านพักที่ จ.ภูเก็ต ชี้ ผู้ต้องหามีความรู้ทางการแพทย์ ยังไม่ชัดเป็นเภสัชกร หรือแพทย์ อำพรางศพตั้งแต่ปี 52 โดยใช้น้ำยาเคมีย่อยสลาย คาด สาเหตุจากปมหึงหวงที่มารู้ว่าอดีตแฟนสาวแอบไปแต่งงานกับตำรวจ เพราะที่ผ่านมาทรัพย์สินเป็นชื่อฝ่ายหญิงหมด พร้อมเตรียมเรียกตัวนายตำรวจคนดังกล่าวมาสอบปากคำเพิ่มเติมแล้ว
วันนี้ (1 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีจับกุม นายสแตน ฮาเวิร์ด ด็อกเซ็ท อายุ 50 ปี สัญชาตินอร์เวย์ ผู้ต้องสงสัยฆ่า นางรุ่งนภา สุขทอง อายุ 33 ปี ก่อนนำศพไปดองไว้ในบ้านเลขที่ 60/11 ซ.โคกตโนด ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า สำหรับ นายสแตน ฮาเวิร์ด ขณะนี้ยังถูกคุมขังอยู่ที่ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต ในคดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ ซึ่งเบื้องต้นพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาประกันตัว เพราะยังมีคดีที่ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอจากเศษชิ้นเนื้อที่พบในบ้านพักของผู้ต้องหา รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ส่งไปให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์ โดยคาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จ โดยหลังจากนี้คงดำเนินการต่อในคดีฆ่าและซ่อนเร้นอำพรางศพได้
พ.ต.อ.อธิป กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุของการสังหารนั้น จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเคยทำงานอยู่ในวงการแพทย์ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเภสัชกร หรือแพทย์ โดยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังจากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย ได้มารู้จักกับผู้ตาย และแต่งงานอยู่กินด้วยกัน ซึ่งหลังจากนั้น ได้หันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยซื้อที่ดินและปลูกบ้านหรู ขายให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยทราบว่า บ้านแต่ละหลังมีมูลค่าราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่ทรัพย์สินที่มีทุกอย่าง จะใช้ชื่อของภรรยาเป็นผู้ครอบครอง เพราะตามกฎหมายไทยแล้ว ชาวต่างชาติไม่สามารถทำได้ ซึ่งต่อว่ามาระยะหลังเกิดปัญหาขึ้นในครอบครัว โดยเมื่อผู้ต้องหาทราบว่า ภรรยาของตนแอบไปแต่งงานกับนายตำรวจรายหนึ่ง จนถึงขั้นมีลูกด้วยกัน 1 คน ซึ่งประเด็นนี้ได้ติดต่อให้นายตำรวจรายนี้มาให้ปากคำแล้ว
“หลังการสอบสวนคดีจะชัดเจนขึ้น แต่เท่าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง คาดว่า คดีเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นในปี 2552 สาเหตุก็เกิดขึ้นจากปัญหาหึงหวง หลังจากผู้ต้องหาลงมือสังหารภรรยาแล้ว อำพรางศพ โดยใช้น้ำยาเคมีย่อยสลาย ซึ่งผู้ต้องหาเคยทำงานในวงการแพทย์ น่ามีความรู้ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี หลังจากฆ่าภรรยา และทำลายศพแล้ว ผู้ต้องหายังพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวตามปกติต่อไปอีกด้วย” พ.ต.อ.อธิป กล่าว
พ.ต.อ.อธิป กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหลักฐานชิ้นเนื้อไปจนถึงโครงกระดูก ซึ่งเบื้องต้นยืนยันได้ว่า ผู้ตายเป็นหญิง และยังมีร่องรอยถูกทำร้ายด้วย โดยขณะนี้คงต้องรอผลตรวจหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมา ซึ่งคดีคงคืบหน้ากว่านี้ ถึงแม้ผู้ต้องหารายนี้จะไม่ยอมให้การใดๆ ก็ตาม
ต่อมา พนักงานสอบสวนของ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต ได้นำตัวผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลจังหวัดภูเก็ต มีกำหนด 12 วัน พร้อมกับคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาด้วย ก่อนการฝากขังพนักงานสอบสวนยังได้รวบรวมพยานหลักฐาน และแจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา ในคดี ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย
เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้อหายอมรับสารภาพว่าเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ขณะเกิดเหตุ ผู้ต้องหาและผู้ตายเกิดมีปากเสียงและทะเลาะกันอย่างรุนแรง และมีการผลักกันไปมาจนทำให้นางรุ่งนภา พลาดล้มลงศรีษะฟาดพื้นจนเสียชีวิต หลังจากนั้นผู้ต้องหาซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ยา ได้นำน้ำยามาดองเก็บศพของภรรยาเอาไว้ในบ้าน เพื่อเป็นการปกปิดการกระทำผิด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่านายแสตนนั้น เคยเป็นเภสัชกรที่ประเทศนอร์เวย์ แต่ได้ลาออก และเดินทางมาเที่ยวในเมืองไทย ก่อนมาพบรักกับนางรุ่งนภา ใช้ชีวิตร่วมกันและประกอบธุรกิจที่ดิน จนมีฐานะระดับเศรษฐี ภายหลังทั้งคู่ได้เลิกรากัน นางรุ่งนภา ได้ไปแต่งงานกับนายตำรวจคนหนึ่งที่ภูเก็ต มีลูกด้วยกัน 1 คน ทำให้นายแสตน เกิดความหึงหวง พยายามตามง้อคืนดีมาตลอด แต่ถูกผู้ตายปฎิเสธ
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2552 นางรุ่งนภาก็ได้หายตัวไปจากบ้าน ญาติๆไม่สามารถติดต่อได้ จึงมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.กระทู้ แต่คดีไม่คืบหน้า จนมีการร้องเรียนมายังพล.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ที่สั่งการให้รื้อคดีทำการสอบสวน ก่อนมีการจับกุมดังกล่าว