เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังปิดล้อมจับกุมเจ้าพ่อเงินกู้ยิงสองพ่อลูกวิน จยย.หน้าหมู่บ้านร่มเงาไม้ บางบัวทอง เสียชีวิต เหตุฉุนที่เข้าไปทวงเงินค่าคุ้มครอง จยย.รับจ้างไม่ได้ แล้วหนีกบดานบ้านเพื่อนทางปักษ์ใต้ ขณะที่ ผกก.สภ.บางบัวทอง เผยได้เรียก จยย.รับจ้างในวินดังกล่าวมาให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเตรียมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลคอยรีดไถต่อไป
วันนี้ (14 ก.พ.) พ.ต.อ.โสภณ พึงไชย ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่นายสมภพ หวังสุดใจ ยิงนายประสิทธิชัย เทศทอง และนายสถาพร เทศทอง สองพ่อลูกเสียชีวิต จากเหตุเรียกเก็บค่าคุ้มครองคันละ 200 บาท จากวินจักรยานยนต์หน้าทางเข้าหมู่บ้านร่มเงาไม้ บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่สองพ่อลูกไม่ยอมจ่ายว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกคนขับจักรยานยนต์รับจ้างวินดังกล่าวมาพูดคุยเพื่อหาข้อมูลเชิงลึก และเตรียมนำข้อมูลที่ได้ไปทำทะเบียนประวัติผู้มีอิทธิพลที่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง เพื่อเตรียมกวาดล้างกลุ่มบุคคลเหล่านี้ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยหลังจากศาลจังหวัดนนทบุรีได้อนุมัติหมายจับนายสมภพ หวังสุดใจ ที่ตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองจากวินจักรยานยนต์ดังกล่าว และเป็นผู้ก่อเหตุยิงนายประสิทธิชัยและนายสถาพรจนเสียชีวิตทั้งคู่ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองก่อนไปแล้วนั้น ทางชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้หนีไปกบดานบ้านเพื่อนที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปปิดล้อมเพื่อจับกุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทันได้วิ่งหลบหนีเข้าไปที่ สภ.ปะทิว เนื่องจากกลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฯ แต่สุดท้ายก็ถูกควบคุมตัวได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวที่จังหวัดนนทบุรีต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เกิดเหตุยิงกันที่ปากทางเข้าหมู่บ้านร่มเงาไม้ ม.6 ต.บางคูรัด ถ.บางไผ่-หนองเพรางาย บางบัวทอง นนทบุรี โดยนายประสิทธิ์ชัย เทศทอง อายุ 60 ปี ถูกยิงโคนขาซ้าย 2 นัด โคนขาขวา สีข้างซ้าย ไหล่ขวา เอวขวา และกลางหลังอย่างละ 1 นัด และนายสถาพร เทศทอง อายุ 27 ปี บุตรชายนายประสิทธิ์ชัย ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ซ้าย และกลางหลัง และต่อมาทั้งสองได้เสียชีวิต ซึ่งในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุนปืน 9 มม.จำนวน 9 ปลอก และปลอกกระสุน .38 จำนวน 6 ปลอก หัวกระสุน 2 หัว มีดพก 1 เล่ม
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายสมภพ หวังสุดใจ อายุ 40 ปี อาชีพปล่อยเงินกู้ ได้เข้ามาเรียกเก็บเงินค่าวินจักรยานยนต์จากนายประสิทธิ์ชัย และนายสถาพร รายละ 200 บาท แต่ทั้งสองคนไม่ยอมจ่าย จากนั้นนายสมภพได้ชักปืนออกมายิงใส่นายประสิทธิ์ชัยจนล้มลงก่อนจะเข้าไปยิงซ้ำหลายนัด ระหว่างนั้นนายสถาพรได้ชักมีดเตรียมฟันใส่นายสมภพ จึงถูกนายสมภพยิงจนล้มลงก่อนที่จะกระเสือกกระสนไปชักปืนที่เอวของนายประสิทธิ์ชัยผู้เป็นพ่อออกมายิงต่อสู้กับนายสมภพจนเกิดการดวลปืนกันขึ้น แต่นายสถาพรเพลี่ยงพล้ำถูกนายสมภพยิงจนแน่นิ่งไปอีกราย ขณะที่นายสมภพหลังเกิดเหตุได้รีบขึ้นจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป แม้ตนเองจะได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงเข้าที่กลางหลังก็ตาม
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสมภพ หวังสุดใจ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรีหมายจับที่ 73/2555 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 ในข้อหาฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีนายวัน อยู่บำรุง ที่ปรึกษารมช.คมนาคม นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผบช.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.โสภณ พึ่งไชย ผกก.สภ.บางบัวทอง ซึ่งนายสมภพให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีอาชีพเก็บเงินกู้และทำหน้าที่เก็บค่าบำรุงวิน จยย.ดังกล่าวคันละ 200 บาท ซึ่งยังไม่ทันได้เก็บเงิน เป็นเพียงการพูดคุยกับคนขับวิน จยย.เท่านั้นว่าเงิน 200 บาทนั้นตนจะนำมาซื้อน้ำ น้ำแข็ง หนังสือพิมพ์และคอยอำนวยความสะดวกด้านต่างๆให้รวมถึงค่าปรับใบสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรด้วย แต่ว่าผู้ตายทั้งสองซึ่งมีเสื้อวินอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ขับกลับนำเสื้อวินไปให้คนอื่นเช่า ซึ่งตนกำลังคุยกับคนที่มาขับแทนถึงค่าบำรุงวินดังกล่าว แต่ปรากกฎว่าผู้ตายที่เป็นเจ้าของเสื้อวินได้เข้ามาหาตนที่วินพร้อมทั้งต่อว่า"มึงเป็นใครถึงกล้ามาเก็บค่าเสื้อวินพร้อมชักอาวุธปืนข่มขู่ตนตลอดเวลาก่อนจะประกาศว่ากูจะเอาคนมาอุ้มมึงไปยิงทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้" จนกระทั่งผ่านมาถึงวันเกิดเหตุซึ่งตนได้เตรียมอาวุธปืนขนาด 9 มม.พกติดตัวมาเพื่อป้องกันตัว แต่เมื่อผู้ตายทั้งสองมาถึงนายประสิทธิ์ชัยคนพ่อได้ชักอาวุธปืนลูกโม่ขนาด.38 ออกมาจากเอว ตนจึงได้ใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงใส่ผู้ตายทันทีจำนวนหลายนัดจนล้มคว่ำ ส่วนนายสถาพรซึ่งเป็นลูกชายเมื่อเห็นพ่อถูกยิงล้มลงไปได้ชักอาวุธมีดสปาต้าออกมาวิ่งฟันตนที่หัวไหล่จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตนได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่นายสถาพรไปจำนวนสองนัดจนล้มไปอีกคนก่อนที่จะรีบวิ่งมาที่รถจยย.เพื่อขับหลบหนี แต่ปรากฏว่านายสถาพรได้คลานไปหยิบปืนที่เอวผู้เป็นพ่อยิงสวนมาหลายนัด แต่กระสุนเฉี่ยวไม่ถูกตน ซึ่งเมื่อหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุได้ จึงหลบหนีไปอยู่ที่บ้านเพื่อนในจ.ชุมพร แต่มาถูกตำรวจตามจับตัวได้ในที่สุด
ด้านพล.ต.ต.ธนายุตม์กล่าวว่า ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นได้นำไปทิ้งแถวถนนตลิ่งชั่น-สุพรรณบุรี ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นหาอาวุธปืนตามที่ผู้ต้องหาให้การแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้ของกลางอย่างแน่นอนและในวันพรุ่งนี้(15 ก.พ.)จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุในเวลา 14.00 น.ต่อไป