xs
xsm
sm
md
lg

ปล้นบ้านหรูนักธุรกิจเสื้อผ้า กวาด 1.5 ล้าน ตร.คาดเกลือเป็นหนอน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ นางนนทิวรรณ มุขกระโทก อายุ 34 ปี เจ้าของบ้าน
โจรรถตู้บุกปล้นบ้านหรูนักธุรกิจขายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ จับคนในบ้านมัดมือมัดเท้า ก่อนกวาดทรัพย์กว่า 1.5 ล้าน ลอยนวล ตร.สอบเข้มสองคู่รักแม่บ้านสาวลาว กับ รปภ.หมู่บ้าน คาด มีเอี่ยว หลังพบหละหลวมปล่อยคนร้ายเข้าออกโดยไม่จดทะเบียนรถ แถมไม่ยอมล็อกประตูบ้าน

วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. พ.ต.ท.จิธณัฐ ชนนนทกานต์ พงส.(สบ3) สน.สายไหม รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ภายในหมู่บ้านศุภาลัย ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 71 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รรท.รองผบช.น พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.สายไหม

ที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 1/49-50 หมู่บ้านศุภาลัย เป็นบ้านหรู 2 ชั้น ปลูกติดกัน 2 หลังในพื้นที่ประมาณ 150 ตาราวา ตรวจสอบสภาพบ้านทั้ง 2 หลัง ถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย พบ นางลำจวญ มุขกระโทก อายุ 58 ปี แม่เจ้าของบ้าน และ น.ส.มาย วรรณเสน อายุ 21 ปี แม่บ้านชาวลาว อยู่ในอาการตื่นตกใจ ส่วนทรัพย์สินภายในบ้านที่สูญหายไป ประกอบด้วย ชุดเครื่องเพชร แหวน และ กำไร สร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองหนัก 10 บาท เงินสด 20,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

จากการสอบสวน นางลำจวญ ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนอยู่ในบ้านเลขที่ 1/50 กับหลานสองคน วัย 2 ขวบครึ่ง กับ 2 เดือน และคนรับใช้อีก 1 คน จนเมื่อเวลาประมาณ 06.40 น.ได้เดินขึ้นมาชั้น 2 เพื่อมาเอาผ้าขนหนูของหลาน ก็ถูกกับคนร้าย 2 คน ใส่หมวกไหมพรมแบบไอ้โม่ง สวมถุงมือ เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ถือมีดสปาต้ายาวประมาณ 6 นิ้ว เข้ามาล็อกคอ และนำเทปกาวสีน้ำตาลมามัดมือมัดเท้า และใช้ผ้าปิดตา จากนั้นคนร้ายได้ถามถึงทรัพย์สินภายในบ้าน ว่า อยู่ที่ใด โดยพูดสำเนียงคล้ายคนอีสาน และยังขู่ทำร้ายหากไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน ด้วยความกลัวจึงยอมบอกที่ซ่อน พร้อมร้องขอชีวิต จากนั้นคนร้ายจึงเข้ารื้อค้นภายในห้องของลูกสาว และภายในตัวบ้าน เมื่อได้ทรัพย์สินก็รีบขับรถหลบหนีออกจากบ้านไป ตนจึงเปิดผ้าปิดตา แต่อยู่ในสภาพมัดมือมัดเท้าเดินออกไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ

ด้าน นางนนทิวรรณ มุขกระโทก อายุ 34 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตนทำธุรกิจขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ ซึ่งปกติตนจะออกจากบ้านแต่เช้าทุกวัน ส่วนคนร้ายที่เข้ามาปล้นนั้น ตนสงสัยบุคคลภายนอก ซึ่งเคยว่าจ้างมาทำสวนที่บ้าน 2 ครั้ง และยังสงสัย รปภ.ของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นแฟนกับแม่บ้านที่มาทำงานได้ประมาณ 5 เดือน เพราะหลังจากตนออกจากบ้านก็ได้กำชับให้แม่บ้านล็อกประตูเป็นประจำ แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้ล็อก ทั้งนี้ ตามปกติ รปภ.จะทำการจดทะเบียนรถและแลกบัตรเป็นประจำ แต่หลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมมาตรการป้องกันก็หละหลวม ไม่มีการจดทะเบียนรถ และแลกบัตรแต่อย่างใด รวมถึงครั้งนี้ที่ตนถูกปล้นก็ไม่ได้มีการแลกบัตรรถของคนร้ายที่เข้าออก ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุด รถที่เข้าออกหมู่บ้านจะน้อยมาก แต่ รปภ.กลับไม่สามารถจำรถยนต์ต้องสงสัยของคนร้ายที่เข้าออกได้ รวมทั้งยังไม่ทราบเรื่องว่าที่บ้านตนถูกปล้นอีกด้วย

ด้าน พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดประจำหมู่บ้าน พบรถตู้สีบรอนซ์เงิน เข้าออกภายในหมู่บ้านขณะช่วงเวลาเกิดเหตุ โดยคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวภายในบ้านเป็นอย่างดี และรู้ว่าในบ้านมีทรัพย์สินเก็บอยู่ ซึ่งหลังจากเจ้าของบ้านออกจากบ้านได้ประมาณ 30 นาที คนร้ายได้ขับรถตู้มาเทียบหน้าบ้านก่อนจะเปิดประตูเข้ามาภายในบ้าน เพราะประตูไม่ได้ล็อก โดยเข้าไปจับคนในบ้านมัดมือเท้าไว้ ก่อนขโมยเอาทรัพย์สินภายในบ้านและหลบหนีไป โดยคนร้ายได้ทิ้งร่องรอยไว้ในบ้านพอสมควร และมีพยานเห็นเหตุการณ์หลายคน ส่วนกล้องวงจรปิดก็สามารถจับภาพยานพาหนะของคนร้ายไว้ได้ เบื้องต้นได้ให้กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอของคนร้าย ส่วนฝ่ายสืบสวนจะทำการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์เพื่อใช้เป็นเบาะแสติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนที่เจ้าของบ้านสงสัยคนสวนและ รปภ.ประจำหมู่บ้านนั้น ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นไหนทิ้ง ซึ่งคดีนี้มีจุดที่ติดตามได้ และคาดว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้เร็วๆ นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดประจำหมู่บ้านพบรถตู้ต้องสงสัย ยี่ห้อโตโยต้า คอมมูเตอร์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 3156 กทม.แต่หมวดอักษรยังไม่ชัดเจนระหว่างหมวดอักษร ฮฉ กับหมวดอักษรอื่น ซึ่งขณะนี้ได้นำตัวแม่บ้านชาวลาว และ รปภ.ไปสอบสวนหาเบาะแสเพิ่มเติม พร้อมกับเร่งตรวจสอบรถตู้ทะเบียนดังกล่าว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังสงสัยระบบรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ รปภ.หละหลวมมาก ไม่มีการจดบันทึกทะเบียนและแลกบัตรรถที่ผ่านเข้าออก รวมถึงสอบถามบุคคลภายนอกที่เข้าออกว่าจะไปบ้านเลขที่ใด ดังนั้น ผู้ต้องสงสัยจึงอาจเป็นกลุ่ม รปภ.หรือคนใกล้ชิดเจ้าของบ้านที่รู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี
ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

กำลังโหลดความคิดเห็น