xs
xsm
sm
md
lg

"ห้องสมุดตำรวจรถไฟ" สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า"รัก"ของเด็กเร่ร่อน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ปู๊นๆๆๆๆ เสียงดังของขบวนรถไฟมาแล้ว… แต่รถไฟขบวนนี้ไม่ได้มีหน้าที่รับ - ส่งผู้โดยสารตามชานชาลา เนื่องจากขบวนรถไฟขบวนนี้ ดัดแปลงมาเป็นห้องแหล่งรวบรวมความรู้ต่างๆมากมาย สร้างโดยการนำเอาตู้รถไฟเก่าๆ นำมาเรียงต่อกัน โดยผู้ก่อตั้งคือ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผบ.ตร. อดีตผู้บังคับการตำรวจรถไฟ

"โครงการครูตำรวจข้างถนน" ได้ดำเนินการจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2541 ล่าสุดมี พล.ต.ต.สมวุฒิ วรรณพิรุณ เป็นผู้บังคับการตำรวจรถไฟ (ผบก.รฟ.) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลืออบรมสั่งสอนเอาใจใส่ดูแลเด็กเร่ร่อน ที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการจนถึงปัจจุบัน กองตำรวจรถไฟ ได้ส่งเสริมให้ได้รับการศึกษาในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น จนกระทั่งบางคนก็สามารถออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ งบประมาณและค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ จะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากภาคเอกชน

"ครูข้างถนน"นอกจากทำหน้าที่เป็นครูแล้ว ยังเป็นทั้งเพื่อน พ่อแม่ และเป็นพี่เลี้ยงที่ปรึกษาให้กับเด็กๆ หรือเสมือนเป็นทั้งพ่อและแม่ แต่กว่าพวกเด็กๆจะปรับตัวเข้าหากับตำรวจได้ ก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เพราะระหว่างตำรวจกับเด็กเร่ร่อนนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ต่างขั้วกันเหลือเกิน เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเด็กเร่ร่อนเห็นตำรวจทีไร จะต้องเผ่นกระเจิงแตกตื่นกันทุกที เพราะกลัวว่าตำรวจจะมาจับพวกเขาไป จึงเป็นเรื่องไม่ง่าย ที่จะสามารถให้เด็กปรับตัวเข้าหากับครูตำรวจได้ เรียกได้ว่าต้องเหนื่อยไปตามๆกันเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่มีจิตอาสาอยากทำตรงนี้ ต้องมีความเป็นกันเองต่อลูกศิษย์ตัวน้อยๆเหล่านี้ รวมถึงการเอาใจใส่ ดูแลและเป็นที่ปรึกษาให้เด็ก เสมือนกับเป็นพ่อแม่แท้ๆของเขา และจะต้องทำให้เด็กเหล่านี้ มองเห็นคุณค่าของการศึกษาและการเป็นคนดีของสังคมด้วย

"ห้องสมุดรถไฟเยาวชน" มีด้วยกัน 2 โบกี้ ไม่กว้างขวางมากนัก ภายนอกตกแต่งด้วยภาพวาดการ์ตูน มีลวดลาย สีสัน สดใส น่ารักๆ เพื่อดึงดูดให้เด็กๆอยากมาเรียน และมาอ่านหนังสือกัน ถ้าสังเกตข้างบนของรถไฟจะมีพยัญชนะภาษาไทย ก.ไก่ - ฮ.นกฮูก เมื่อเดินขึ้นไปภายใน ฝั่งซ้ายมือ จะเป็นห้องสมุดไว้อ่านหนังสือ และนั่งเรียนหนังสือ ซึ่งเป็นมุมที่น่าสนใจมุมหนึ่ง เพราะนอกจากจะมีหนังสือให้อ่านแล้ว ตรงทางประตูทางเข้าและทางออกนั้นมีโต๊ะหมู่บูชา ประดิษฐฐานพระพุทธรูป พระบรมฉายาลักษณ์ และธงชาติไทย อันหมายถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไว้ยึดเหนี่ยวจิตไว้ให้พวกเด็กได้ระลึกดี คิดดี และทำดี

ส่วนอีกฝั่งหนึ่งทางด้านขวามือ เมื่อเดินขึ้นมาแล้วจะมีโต๊ะเก้าอี้ไว้นั่งอ่านหนังสือเช่นกัน และเดินตรงไปอีกหน่อยก็จะเป็นห้องสุระมณี ภายในห้องจะมีคอมพิวเตอร์อยู่ประมาณ 3 เครื่อง ไว้ให้เด็กๆเรียนทักษะทางคอมพิวเตอร์กัน นอกจากจะมีห้องอ่านหนังสือและห้องเรียนแล้ว ภายในบริเวณยังมีบรรยากาศที่รื่นรมย์เย็นสบายน่านั่งเล่น มีต้นไม้ทั้งต้นเล็กและต้นใหญ่ รวมทั้งมีลานกีฬาให้เด็กๆได้เล่นกีฬาและออกกำลังกายกัน โดยจะมีเด็กๆละแวกใกล้เคียงจะแวะมาวิ่งเล่นกัน จึงทำให้บรรยากาศในการเรียนและการเล่นกีฬาน่าสนุกยิ่งขึ้น จนเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองของเด็กเร่ร่อนไปเลยก็ว่าได้

ส่วน"ครูข้างถนน" มีอาชีพหลักเป็นตำรวจ มีตั้งแต่ยศ จ.ส.ต. ไปจนถึง ยศ พ.ต.ต. มีทั้งชายและหญิงรวม 7 คนด้วยกัน โดยจะมีหน้าที่สลับผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาสอนหนังสือและสอนคอมพิวเตอร์ ให้แก่เด็กเร่รอน ทุกวันไม่มีวันหยุด โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กเร่ร่อนที่เข้ามาใช้บริการที่ห้องสมุดแห่งนี้จะมีอายุตั้งแต่ 7 - 15 ปีเป็นต้นไป เด็กเร่ร่อนที่ครูตำรวจข้างถนนรับผิดชอบอยู่มีประมาณ 200-300 คน เด็กเร่ร่อนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะมาจากสลัม ซึ่งล้วนแล้วแต่ขาดโอกาสทางการศึกษา และมีปัญหาทางครอบครัว ขาดทั้งความอบอุ่น และขาดที่ปรึกษาที่ดี และถูกต้อง

นอกจากครูข้างถนนจะมีหน้าที่สอนหนังสือแล้ว ก็จะมีการจัดกิจกรรม โดยการแต่งตัวด้วยชุดตลก ตระเวนหาเงินมาเป็นค่าอาหารกลางวันให้กับเด็กเร่ร่อน แต่ถ้าเงินมีไม่พอซื้ออาหารกลางวันก็ต้องควักเงินส่วนตัวออกมาบ้างเล็กน้อย แม้เงินเดือนประจำของข้าราชการตำรวจธรรมดาๆคนหนึ่งจะมีอยู่น้อยนิด แต่ครูตำรวจเหล่านี้ก็เต็มใจที่จะอาสาช่วยเด็กๆพวกนี้ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะเพียงอยากเห็นลูกศิษย์มีความสุข เป็นคนดีไม่ตกเป็นภาระของสังคม และสามารถนำความรู้ที่ได้มาไปพัฒนาสังคมในทางที่ดีต่อไป

หากใครสนใจที่จะบริจาคหนังสือ ที่ไม่ได้ใช้แล้วสามารถบริจาคมาได้ที่ สถานีตำรวจรถไฟหรือกองบังคับการตำรวจรถไฟ(สน.นพวงศ์) ได้ทุกวัน ส่วนบรรดาหนังสือประเภทต่างๆนั้น ทางห้องสมุดรถไฟส่วนใหญ่จะได้รับบริจาคมาจากองค์กรต่างๆ และภาคประชาชน นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งเสริมอาชีพให้กับเด็กเร่ร่อน เพื่อที่จะให้เด็กๆพวกนี้สามารถช่วยเหลือตัวเองและครอบครัวได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้ว การที่จะเข้ามาเป็นจิตอาสา เพื่อสังคมได้ขนาดนี้ จะต้องเสียสละและอุทิศเวลาส่วนตัวให้กับพวกเด็กเร่ร่อนได้ และที่สำคัญจะต้องมีความเต็มใจ มีความอดทน ตั้งใจที่จะสอนหนังสือให้แก่เด็กๆ และที่สำคัญที่สุดต้องมีความจริงใจ ใช้ใจแลกใจให้กับเด็กๆเหล่านี้ เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้มามันก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด พร้อมทั้งมีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง และสิ่งเดียวที่ทางตำรวจรถไฟอยากขอความอนุเคราะห์จากทางผู้จัดใจดีคือ ข้าวสารอาหารแห้งสำหรับเด็กๆและชุดตลกเพิ่ม เพื่อให้ครูตำรวจรถไฟและเด็กนักเรียนได้มีชุดใส่ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมครูข้างถนนมากขึ้น

ห้องสมุดรถไฟเยาวชน จะเปิดตั้งแต่ 08.00 - 16.00 น.ทุกวัน ไม่มีวันหยุด สถานที่ตั้งอยู่เชิงสะพานนพวงศ์ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม.

ในเมื่อมีโครงการดีๆอย่างนี้เกิดขึ้นแล้ว จะดีกว่าไหมที่ควรจะมีการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเด็กเร่ร่อนต่อไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆกว่าที่เป็นอยู่นี้ เพราะเด็กพวกนี้ไม่ใช่เป็นแค่เพียงเด็กเร่ร่อน ที่บางสายตาอาจจะมองไม่เห็นคุณค่า แต่สุดท้ายแล้วเด็กพวกนี้ก็เป็นลูกหลานชาวไทย แผ่นดินบ้านเกิดของเรานี่เอง










กำลังโหลดความคิดเห็น