ตร.รวบ 2 โจรย่องเบาตระเวนขับบีเอ็มงัดตู้เซฟ ตามห้างร้าน รับเชี่ยวชาญงัดตู้เซฟเป็นอย่างดี แถมก่อเหตุมานับครั้งไม่ถ้วน ขณะที่อีกหนึ่งผู้ต้องหาสุดวิปริตรับชอบขโมยชั้นในผู้หญิงมาสะสมในบ้านนับหมื่นตัว และมักจะนำมาสูดดมก่อนที่จะออกไปก่อเหตุลักทรัพย์ตามสถานที่ต่างๆ ส่วนทรัพย์สินที่ได้จากการงัดเซฟเอาไปจำนำและนำเงินไปถลุงในบ่อนเขมร
วันนี้ (25 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รรท.รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัลลภ ประทุมเมือง รรท.ผบก.น.6 พ.ต.อ.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ 2 ราย คือ นายดนัย รายเวทย์ อายุ 48 ปี (เสื้อสีแดง) อยู่บ้านเลขที่ 59/56 ซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 76 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.40/2555 ลงวันที่ 24 ม.ค.55 และนายวสันต์ วิริยะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 338/181 ซ.วัดหลวงพ่อโต ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.39/2555 ลงวันที่ 24 ม.ค.55 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมของกลางอุปกรณ์ที่ใช้ในการงัดแงะ พระพุทธรูปจำนวน 2 องค์ ตั๋วรับจำนำ เชือกสำหรับโรยของ กระเป๋าสะพาย เสื้อแขนยาว และชุดชั้นในสตรีอีกจำนวนมาก โดยจับกุมตัวได้ที่ซอยเฉลิมเขตร์ 1 แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบ กทม.
พล.ต.ต.สาโรจน์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด เมทโทร ประเก็น (2001) ตั้งอยู่เลขที่ 67-68 ถนนเฉลิมเขตร์ 2 แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบ ว่าถูกคนร้ายเข้าไปตัดตู้เซฟและขโมยเอาเงินสดจำนวน 401,000 บาทหายไป จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบคนร้ายเป็นชาย 2 คน มีรูปพรรณสัณฐาน คือ สวมชุดไอ้โม่ง รูปร่างล่ำ มีพุง และภายหลังทราบว่ายังก่อเหตุในพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายครั้ง กระทั่งเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ชุดจับกุมได้ออกตรวจพื้นที่ เมื่อมาถึงบริเวณถนนพลับพลาไชยตัดซอยเฉลิมเขตร์ 1 พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนดูมีพิรุธและลักษณะคล้ายกับคนร้ายตามภาพวงจรปิด จึงขอตรวจค้นและทำการตรวจสอบ
จากการสอบสวนนายวสันต์ให้การรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการงัดแงะเซฟเป็นอย่างดี โดยการตัดตู้เซฟและเอาทรัพย์สินไป ได้ทรัพย์สินไปหลายล้านบาท ก่อเหตุในพื้นที่พลับพลาไชย 4 ครั้ง โดยเมื่อต้นเดือน ธ.ค.54 ได้เข้าไปลักทรัพย์ภายในบ้านหลังหนึ่งย่านวัดเทพศิรินทร์ แต่ประตูล็อกจึงไม่สามารถเข้าไปได้ วันที่ 6 ธ.ค.54 ได้เข้าไปลักทรัพย์ภายในบริษัท สหคิม มอเตอร์ ได้เงินสดไป 1 ล้านบาทเศษ และพระเลี่ยมทอง 10 องค์ วันที่ 11 ธ.ค.54 เข้าไปลักทรัพย์ภายบริษัท ควอเทร์ ถนนบำรุงเมือง ได้เงินสด 20,000 บาท วันที่ 16 ม.ค.55 เข้าไปลักทรัพย์ภายใน หจก.HT เทรดดิ้ง จำกัด ได้เงินสด 600,000 บาท และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีฟ้า หมายเลขทะเบียนภจ 8555 กทม. จึงขอตรวจค้น ซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ พบอุปกรณ์ที่ใช้ในการงัดแงะหลายรายการอยู่ภายในรถคันดังกล่าว พบเสื้อชั้นในและกางเกงชั้นในของผู้หญิงกว่าพันตัว
ส่วนนายดนัยให้การรับสารภาพว่า ขโมยชุดชั้นในของผู้หญิงมาตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยจะชอบเก็บสะสมเอาไว้ภายในห้องที่บ้านพักกว่าหมื่นตัว และมักจะนำมาสูดดมก่อนที่จะออกไปก่อเหตุลักทรัพย์ตามสถานที่ต่างๆ ภรรยาและลูกๆ ก็รับรู้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เนื่องจากตนกับภรรยาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวและไม่มีความสัมพันธ์กันมานานแล้วแม้จะอยู่บ้านเดียวกัน เป็นความชอบส่วนตัว โดยจะขโมยตามบ้านพัก และอพาร์ตเมนต์ที่มีชุดชั้นในผู้หญิงตากเอาไว้ เพราะหยิบฉวยได้ง่าย ส่วนทรัพย์สินที่ได้มาจากการงัดเซฟก็นำไปขายตามโรงรับจำนำ และจะนำเงินที่ได้มาไปเล่นการพนันที่บ่อนปอยเปต ประเทศเขมร
พล.ต.ต.สาโรจน์กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายดนัยยังเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ หลังเข้าไปลักทรัพย์ภายในบริษัท บิวตี้เจมส์ ได้ทรัพย์สินไปกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการฎีกาของลดหย่อนโทษ และยังเคยถูกจับกุมคดีขโมยกางเกงชั้นในของผู้หญิง ท้องที่ สน.คลองตัน มาแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาน่าจะมีอาการทางจิต เพราะมีพฤติกรรมชอบสะสมกางเกงชั้นในของผู้หญิง ส่วนนายวสันต์ให้การว่าไม่เคยขโมยชุดชั้นใน เพียงแค่ร่วมก่อเหตุลักทรัพย์ด้วยกันเท่านั้น
