อุทธรณ์ลดโทษจำคุก “เสธ.น็อต” อดีตนายทหาร บก.สส.พร้อมอดีตผู้ใหญ่บ้านร่วมกันค้ายาไอซ์ จากเดิม 58 ปี เหลือ 41 ปี ปรับคนละ 3 ล้านบาท
วันนี้ (28 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อย.2154/2550 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ชานนท์ หรือ เสธ.น็อต ชิณวงศ์ อายุ 46 ปี อดีตนายทหารประจำ บก.ทหารสูงสุด ช่วยราชการส่วนหน้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา นายสุขุม หรือ เบียร์ เจือแจ่มจันทร์ อายุ 34 ปี และ นายวิฑูรย์ นิยกิจ อายุ 47 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย จัดหาที่พำนัก หรือที่ซ่อนเร้นเพื่อช่วยเหลือแก่ผู้กระทำผิด เสพยาเสพติด มีเมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน (ยาอี) ไว้ในครอบครอง และปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ค.50 บรรยายความผิดจำเลยสรุปว่า จำเลยทั้งสามกับพวกที่ถึงแก่ความตาย โดยจำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการทหาร และจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน คือ เมื่อระหว่างวันที่ 20 ก.พ.50 ถึงวันที่ 11 เม.ย.50 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) 7 ถุง น้ำหนัก 12.772 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยร่วมกันจำหน่ายโดยการขายยาไอซ์ 2 ถุง น้ำหนัก 1.010 กรัม ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 6,000 บาท จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดหาห้องเลขที่ 305 เดอะลิฟวิ่งรูม อพาร์ตเมนต์ แขวงและเขตดินแดง กทม.เพื่อให้ความสะดวกในการมั่วเสพยาไอซ์ และเป็นที่ประชุมสำหรับตกลงในการนำยาเสพติดไปจำหน่าย จำเลยที่ 1 ยังมี ยาอี 1 ซอง น้ำหนัก 0.250 กรัม และร่วมกันเสพ เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามพร้อมยาไอซ์ที่จำเลยทั้งหมดสมคบกันจัดหา และมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอุปกรณ์การเสพ โทรศัพท์มือถือเป็นของกลาง นอกจากนี้ จำเลยที่ 2 ยังปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อีกด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และ 3 ฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ร่วมกันเสพยาเสพติด รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเวลา 58 ปี แต่ให้จำคุกไว้สูงสุดที่ 50 ปี ตามกฎหมาย ปรับคนละ 3,600,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ฐานเสพยาเสพติด ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้เป็นเวลา 15 ปี 18 เดือน ปรับ 9 แสนบาท จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า ที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ในประเด็นว่าของกลางที่ถูกค้นพบที่ห้องพัก 302 ใช้อ้างเป็นพยานไม่ได้ เพราะเป็นการตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นและไม่ได้กระทำต่อหน้าจำเลยที่ 1 ศาลเห็นว่า การตรวจค้นห้องพักเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำต่อเนื่องใกล้ชิดในการจับกุมจำเลยทั้งสามกับพวก โดยมีเหตุสมควรเชื่อว่า หากดำเนินการล่าช้าสิ่งของที่มีไว้ที่เป็นความผิด หรืออาจจะเป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิดจำเลยที่ 1 ได้จะถูกทำลายและโยกย้ายเสียก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีอำนาจตรวจค้นได้ และสิ่งที่ได้จากการตรวจค้นสามารถใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะให้รับฟัง เช่นเดียวกับประเด็นโต้แย้งเรื่องการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของคนใกล้ชิด จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม จึงฟังไม่ขึ้น
แต่เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยที่ 1 และ 3 นั้น หนักเกินไป ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดเห็นควรวางโทษใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 และ 3 ให้จำคุกคนละ 30 ปี ปรับคนละ 2 ล้านบาท ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อครอบครองและจำหน่าย จำคุกคนละ 10 ปี ปรับคนละ 1 ล้านบาท ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 41 ปี ปรับคนละ 3 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลดโทษให้เพียงหนึ่งในสี่ของทุกกระทงความผิดนั้นน้อยเกินไป เมื่อคำให้การของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่มาก จึงเห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ทุกกระทงความผิด โดยให้จำคุกรวม 4 กระทง รวมจำคุกจำเลยที่ 2 จำนวน 13 ปี 20 เดือน ปรับ 8 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้มีเพียงจำเลยที่ 1 และ 2 เดินทางมาฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ศาลอ่านคำพิพากษาให้เฉพาะจำเลยที่ 1 และ 2 ฟัง ส่วนจำเลยที่ 3 ก็จะนัดฟังคำพิพากษาต่อไป สำหรับ พ.ต.ชานนท์ หรือเสธ.น็อต ชิณวงศ์ จำเลยที่ 1 กับพวกยังถูกศาลพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.2419/2550 ฐานร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 และนายวิฑูรย์ จำเลยที่ 3 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุก 10 ปี