สตท.เหยื่อวีโก้ซิ่งไล่ยิงรถชาวบ้านยังสาหัส คาดฝีมือวัยุร่นคึกคะนอง!

ตร.ท่องเที่ยวเหยื่อกระบะวีโก้ที่ซิ่งป่วนยิงมั่วรถชาวบ้านพรุน 4 คัน อาการยังสาหัส กรามแตก กระสุนตุงที่คาง ส่วนเจ้าของเบนซ์ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ยันไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร ด้าน ตร.วอนประชาชนที่ขับรถตามหลังคนร้ายในคืนเกิดเหตุให้เข้าข้อมูลเพิ่มเพื่อตามจับตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น เชื่อเป็นฝีมือวัยรุ่นที่คึกคะนอง

จากกรณีคนร้ายขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ใช้ปืนไล่ยิงรถยนต์ที่วิ่งบนถนนรัชดาภิเษก จนรถยนต์ได้รับความเสียหาย 4 คัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้ (25 ธ.ค.) พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ ตรีพนากร สว.สส.สน.ประชาชื่น เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก ได้นำหัวกระสุนไปทำการเปรียบเทียบกับคดีอาวุธปืนที่เคยเกิดขึ้นในท้องที่ สน.ประชาชื่น และพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว ซึ่งจะมุ่งไปที่คดีก่อเหตุด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 มม. เพื่อสามารถติดตามคนร้ายได้ง่ายขึ้น ส่วนการติดตามคดีนี้ได้มีการประชุมแบ่งหน้าที่กันทำงานแล้ว โดย กก.สส.บก.น.2 เข้ามาช่วยในเรื่องการดูกล้องวงจรปิดตั้งแต่แยกวงศ์สว่างไปจนถึงแยกประชานุกูล ถนนรัชดาภิเษกขาเข้าทั้งเส้น ส่วนทาง สน.ประชาชื่นจะให้ติดตามเรื่องคดี เมื่อได้ข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาประชุมร่วมกัน สำหรับรถกระบะคนร้ายเชื่อมั่นว่าเป็นรถกระบะยี่ห้อดังกล่าวที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้ว จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้รถคันที่ขับตามหลังรถกระบะของคนร้ายมาให้ข้อมูลกับตำรวจเพื่อจะติดตามตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น เพราะถือเป็นคดีอุจฉกรรจ์ ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากความคึกคะนองของพวกวัยรุ่น

สำหรับเจ้าของรถเบนซ์ รุ่น 400 เอสอีแอล สีเทา เลขทะเบียน ษง 8883 กรุงเทพฯ ขณะนี้ทราบชื่อแล้วคือ นายนำพล เงินนำโชค อายุ 43 ปี อดีตรองกรรมการผู้จัดการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้ายถูกเศษกระจกบาดเล็กน้อย โดยให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่คืนเกิดเหตุแล้วว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครหรือมีศัตรูที่ไหนมาก่อน

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 รพ.ตำรวจ ความคืบหน้าอาการ ส.ต.ท.สุริยา หรือยา จันราช อายุ 35 ปี สังกัด ส.ทท.2 กก.1 บก.ท่องเที่ยว นอนพักรักษาตัวอยู่ห้องผู้ป่วยชายออร์โธปิดิกส์ ฉก.5/1 เตียงที่ 3 ชั้น 5/1 ซึ่งถูกยิงเข้าที่กรามด้านขวาแตกและกระสุนตุงเข้าที่คาง ขณะนี้อาการที่ใบหน้ายังบวมเจ็บที่ปากและมีเลือดคลั่งตลอด แพทย์จะต้องใช้สายยางดูดเลือดออกเป็นระยะๆ ป้องกันการติดเชื้อ และมีไข้สูงตลอดเวลา ยังคงให้การไม่ได้แต่มีสติรับทราบเวลาพูดคุยด้วยจะตอบสนองโดยการพยักหน้า

จากการสอบถาม น.ส.ทองพูล จันราช อายุ 51 ปี พี่สาว ส.ต.ท.สุริยา ให้การว่า ทราบข่าวตอนประมาณตี 3 ของคืนที่เกิดเหตุ (23 ธ.ค.) มีคนโทร.ไปแจ้งพ่อและน้องสะใภ้ซึ่งเป็นภรรยาของน้องชายที่จังหวัดขอนแก่น จึงรีบเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเช้าวันที่ 24 ธ.ค.เพื่อมาดูอาการ ส.ต.ท.สุริยา ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดย น.ส.ยานิกา หรือแอน จันราช ภรรยาเป็นผู้เฝ้าไข้อย่างใกล้ชิดอยู่ในห้องไอซียู (ห้องรวม) เพราะต้องคอยเช็ดตัวให้เนื่องจากไข้ขึ้นสูงตลอดเวลา และตนซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ย่านท่าพระทราบข่าวรีบเดินทางมาเฝ้าดูอาการน้องชายอยู่ทางด้านนอกเช่นกัน และขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามหรือเยี่ยมอาการแต่อย่างใด

“รู้สึกเสียใจที่ทราบว่าน้องชายโดนยิง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ทำไมคนสมัยนี้ใจร้ายจัง คนไม่เคยรู้จักกันเลยมาทำอย่างนี้ได้อย่างไร อยากให้จับตัวคนร้ายได้เร็วๆ ถ้าจับได้อยากจะถามว่าทำอย่างนี้เพราะอะไร” น.ส.ทองพูลกล่าว